องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ราษฎรและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย วันที่สอง

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 09.15 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วย นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านห้วยอื้น กองร้อยทหารม้าที่ 1 ตำบลเทอดไท อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อเชิญถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานความมั่นคง จำนวน 3 หน่วยงาน รวม 110 ถุง ได้แก่ กำลังพลของฐานปฏิบัติการบ้านห้วยอื้น กองร้อยทหารม้าที่ 1 กำลังพลของฐานปฏิบัติการบ้านหัวแม่คำ กองร้อยทหารพรานที่ 3107 และกำลังพลของฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนาโต่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 โอกาสนี้ องคมนตรีให้โอวาทแก่ผู้ปฏิบัติงาน สร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานป้องกันประเทศชาติ พร้อมทั้งรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านความมั่นคง

จากนั้นคณะฯ เดินทางไปยังโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านห้วยหยวกป่าโซ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวมอบแก่เด็กในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 85 ตัว และถุงพระราชทานมอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 173 ถุง โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะเยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ พร้อมทั้งปล่อยพันธุ์ปลา จากนั้น รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ บ้านห้วยหยวกป่าโซ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชดำริให้จัดตั้ง “สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง” ทรงเน้นเรื่องการให้ “คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างผสมผสานกลมกลืน” ในการสนองพระราชดำริ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่โครงการสถานีฯ บ้านห้วยหยวกป่าโซ ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนความสมบูรณ์ โดยสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ แก้ไขปัญหายาเสพติดและจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พัฒนาโครงการสถานีฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นแหล่งสร้างงาน แหล่งเรียนรู้ และเป็นห้องสมุดที่มีชีวิต ตามแนวทางพระราชดำริ ให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างเกื้อกูล นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ราษฎรปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวโดยสนับสนุนกล้าพันธุ์แมคคาเดเมีย องุ่น อโวคาโด เพื่อให้ราษฎรสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งจากการดำเนินงานทำให้สภาพป่ามีความสมบูรณ์มากขึ้น ราษฎรมีความรู้ในการทำเกษตร มีอาชีพจากการสร้างงานของโครงการฯ ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้มีราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ จำนวน 98 ครัวเรือน 376 คน มีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ จำนวน 15 ไร่ และพื้นที่ป่า จำนวน 4