ปี 2537ได้ทำการวิจัยและพัฒนาเครื่องแยกผลปาล์มออกจากทะลายปาล์มสดเป็นผลสำเร็จและจัดตั้งเครื่องแยกผลปาล์มต้นแบบขนาด 3 ตันทะลายต่อชั่วโมงขึ้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯเพื่อให้ผู้สนใจได้มาศึกษาดูงานต่อไป
ปี 2544 ได้ทดลองนำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลโดยทดลองใช้กับรถแทรกเตอร์ลากพ่วงนำคณะชมงาน
ปี 2545 ได้ทดลองนำน้ำมันปาล์มดิบแปรรูปเป็นเมทิลเอสเทอร์ (ไบโอดีเซล) เพื่อใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลในเครื่องจักรกลทางการเกษตร และรถยนต์ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เช่น รถแทรกเตอร์ลากพ่วง รถไถเดินตาม รถบรรทุกหกล้อ เป็นต้น
ปี 2548 ได้สร้างสถานีจ่ายน้ำมันไบโอดีเซลโดยติดตั้งปั๊มและหัวจ่ายน้ำมันไบโอดีเซลที่โรงผลิตเมทิลเอสเทอร์
ปี 2550 ได้สร้างเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ระดับชุมชน ขนาดกำลังการผลิต 200 ลิตร/ครั้ง
ไบโอดีเซล
ไบโอดีเซล หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผลิตจากไขพืชหรือไขสัตว์ มีคุณสมบัติเทียบเท่าน้ำมันดีเซลทั่วไป ตรงกับที่จะนำไปใช้ในการจุดระเบิดเครื่องยนต์ดีเซล เป็นสารพวกเอสเทอร์ผลิตจากน้ำมันหรือไขมันของพืชหรือสัตว์ หรือน้ำมันที่เหลือใช้จากการทอดอาหารประเภทจานด่วนนำมาผ่านกรรมวิธีที่เรียกว่าการเปลี่ยนให้เป็น เอสเทอร์ (Transesterification) โดยกรองให้สะอาดแล้วนำมาผสมกับแอลกอฮอล์ (Ethanol หรือ Methanol) เพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยา โดยมีสารพวกด่าง เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นตัวเร่งเพื่อให้แปรรูปเป็นเอททิล หรือเมทิลเอสเทอร์ (ขึ้นอยู่กับชนิดของแอลกอฮอล์ที่ใช้) และผลิตภัณฑ์พลอยได้อีกชนิดหนึ่งได้แก่ กลีเซอรอล ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ทำยาและเครื่องสำอาง
น้ำมันไบโอดีเซล ที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล สามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบดังนี้
1.เป็นน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ คือการนำน้ำมันพืช หรือน้ำมันจากสัตว์ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล โดยไม่มีการเติมสารหรือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของน้ำมันแต่อย่างใด
2.น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ผสม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ ให้ใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลจากปิโตรเลียมมากขึ้น เช่นการผสมน้ำมันก๊าดลงในน้ำมันมะพร้าว
3.การนำน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์มาผ่านกระบวนการทางเคมี โดยใช้แอลกอฮอล์ (เมทิลแอลกอฮอล์หรือเอทิลแอลกอฮอล์) กับกรดหรือด่างที่เรียกว่า Transesterification Process เพื่อเลี่ยนรูปของน้ำมันให้เป็น เอสเทอร์ (Ester) เรียกว่า เมทิลเอสเทอร์ หรือ เอทิลเอสเทอร์ ขึ้นอยู่กับแอลกอฮอล์ที่ใช้ ซึ่งเอสเทอร์นี้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล
การแปรรูปปาล์มน้ำมัน เป็นน้ำมันไบโอดีเซล
แบ่งขั้นตอนออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.ขั้นตอนการสกัดผลปาล์มน้ำมันเป็นน้ำมันปาล์มดิบ
1.1การเก็บผลปาล์ม เก็บเมื่อผลปาล์มสุกเต็มที่ คือ ผลปาล์มเปลี่ยนจากสีม่วงแก่เป็นสีส้มแดงหรือในช่วงที่ผลปาล์มร่วงจากทะลายปาล์ม ประมาณ 3-4 ผล เป็นช่วงที่ผลปาล์มให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงสุด
1.2การสับเป็นช่อกิ่ง สับทะลายปาล์มออกเป็นช่อกิ่งเพื่อให้ง่ายต่อการปลิดผลปาล์ม
1.3การลำเลียงช่อกิ่ง ช่อกิ่งจะถูกลำเลียงไปยังเครื่องแยกผลปาล์มโดยใช้รางลำเลียง
1.4การแยกผลปาล์มจากช่อกิ่งเครื่องจะทำการแยกผลปาล์มจากช่อกิ่งและขั้วผลออกจากกัน ช่อกิ่งและขั้นผลที่ถูกแยกออกมานำไปทำปุ๋ยหมัก
1.5การลำเลียงลงหม้อทอดส่งผ่านเกลียวลำเลียง นำผลปาล์มร่วงไปยังหม้อทอดสุญญากาศขนาดบรรจุประมาณ 1.000-1,200 กิโลกรัม
1.6การทอดระบบสุญญากาศ โดยใส่น้ำมันดิบ 1.000 ลิตร/ผลปาล์ม 1,000 กิโลกรัม อัตราส่วน(1 : 1) ทอดผลปาล์มที่อุณหภูมิ 90-95 องศาเซลเซียส ใช้เวลาทอดประมาณ 3 ชั่วโมง
1.7การลำเลียงออกจากหม้อทอดสุญญากาศ ถ่ายน้ำมันดิบที่ใช้ทอดไปไว้อีกถัง แล้วเปิดฝาล่างของหม้อทอดสุญญากาศเพื่อลำเลียงผลปาล์มสุกขึ้นไปตามรางเกลียวลำเลียงส่งหีบต่อไป
1.8การหีบผลปาล์ม ผลปาล์มที่ทอดสุกแล้วถูกลำเลียงป้อนเข้าไปสกัดน้ำมันด้วยเครื่องหีบน้ำมันแบบเพลาเดี่ยว เพื่อสกัดน้ำมันรวมจะได้น้ำมันดิบประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์
1.9การกรองน้ำมันดิบที่ได้จะนำไปกรองโดยผ่านเครื่องกรองแบบผ้าอัดหลายชั้น น้ำมันที่ได้เก็บไว้ในถังพักเพื่อรอการแปรรูปต่อไป ส่วนกากปาล์มนำไปเลี้ยงสัตว์โดยตรง หรือผสมกับอาหาร ทำวัสดุเพาะเห็ด ทำเชื้อเพลิง หรือนำไปทำปุ๋ยหมัก
2.ขั้นตอนการแปรรูปน้ำมันปาล์มดิบเป็นไบโอดีเซล
2.1ลดกรด นำน้ำมันปาล์มดิบ 400 ลิตร ใส่ในถังลดกรดสเตนเลส อุณหภูมิน้ำมันปาล์มอยู่ในช่วง 80-85 องศาเซลเซียส ใส่โซดาไฟที่มีความเข้มข้น 30-32 โบเม เพื่อลดกรด เช็คกรดโดยวิธีไตเตรตให้เหลือกรดไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์
2.2ดีกัม แยกสารประกอบพวกกัม (GUMS) ในน้ำมันปาล์มดิบออกโดยอาศัยน้ำและกรดฟอสฟอริก อัตราส่วน 9:1 (น้ำ 9 ลิตร : กรดฟอสฟอริก 1 ลิตร) ต้มจนอุณหภูมิถึง 120องศาC ประมาณ 20-30 นาที โดยกวนไม่หยุด ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงให้กัมและน้ำตกลงก้นถัง จากนั้นปล่อยน้ำและกัม ลงถังดักไขมัน
2.3ขจัดน้ำออก โดยการให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 120องศาC ประมาณ 20 นาที โดยมีการกวนเพื่อให้การดำเนินการเร็วขึ้น
2.4ปฏิกิริยาทรานส์เอสเตอร์ริฟิเคชั่น น้ำมันที่ถูกขจัดน้ำแล้ว ถูกทำให้เย็นลงจนมีอุณหภูมิ 80องศาC จากนั้นเติมเมทานอลและโซดาไฟ อัตราส่วน น้ำมันปาล์มดิบ 100 กก. : เมทานอล 20 กก. : โซดาไฟ 0.75 กก. กวนเพื่อให้เกิดปฏิกิริยา ประมาณ 15 นาที ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง
2.5ถ่ายกลีเซอรีน กลีเซอรีนจะแยกตัวจากน้ำมัน โดยจะอยู่ที่ก้นถัง ถ่ายกลีเซอรีนใส่ภาชนะ ตั้งทิ้งไว้ เมื่อเย็นตัวลงจะแข็งตัวเป็นของแข็ง
2.6การล้างสิ่งปนเปื้อนออก ล้างด้วยน้ำอุ่นหลายครั้ง ซึ่งการล้างครั้งแรกกระทำโดยการพ่นละอองน้ำลงในด้านบนของถัง เพื่อให้หยดน้ำเล็กๆ พาสิ่งปนเปื้อนตนลงด้านล่างของถัง
2.7การขจัดน้ำออกครั้งสุดท้าย โดยการให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิ 120องศาC อย่างน้อย 20 นาทีเป็นการขจัดน้ำที่หลงเหลือในชั้นเมทิลเอสเทอร์
2.8ถ่ายน้ำมันเก็บในภาชนะ ถ่ายน้ำมันที่ผ่านการขจัดน้ำออกครั้งสุดท้าย หลังจากที่ตั้งทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลง เก็บใส่ถังขนาดความจุ 1,000 ลิตร เพื่อที่จะนำไปใช้ต่อไป
การใช้น้ำมันไบโอดีเซลหรือเมทิลเอสเทอร์จะมีค่าต่างๆใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล แต่ถ้าใช้ในอุณหภูมิต่ำมาก เมทิลเอสเทอร์จะเป็นของแข็งอุดตันในระบบเครื่องยนต์ เครื่องจักรกลที่ใช้เมทิลเอสเทอร์ (น้ำมันไบโอดีเซล) ได้แก่ เครื่องจักรกลการเกษตรและเครื่องยนต์ดีเซลของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เช่น รถแทรกเตอร์ลากพ่วงนำคณะชมงานในศูนย์ฯเครื่องสูบน้ำ รถไถเดินตาม และจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจนำไปทดลองใช้ เช่น รถตู้โดยสารประจำทางรับส่งผู้โดยสารระหว่างนราธิวาส-หาดใหญ่ และกลุ่มชาวประมงชายฝั่งของบ้านปูลากาปะตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส และกลุ่มชาวประมงชายฝั่งของตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสจำนวนกลุ่มละ 5 คน ได้เริ่มนำน้ำมันไบโอดีเซลไปใช้กิจการประมงชายฝั่ง การผลิตน้ำมันไบโอดีเซลของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2544-ปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 20,841 ลิตร