โครงการฝายทดน้ำห้วยปุ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดมุกดาหาร เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยปุ่ง พร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2550 ตามที่นายพอน สลางสิงห์ ราษฎรบ้านคำบก หมู่ที่ 4 ตำบลคำบก อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฏีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือในการขุดลอกลำห้วยปุ่งพร้อมก่อสร้างฝายน้ำ ล้นบริเวณบ้านห้วยลำโมง เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและทำการเกษตร
โดย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และ กรมชลประทาน ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นสมควรช่วยเหลือราษฎรโดยการสร้างฝายทดน้ำห้วยปุ่ง และฝายทดน้ำห้วยลำโมง พร้อมระบบส่งน้ำและอาคารประกอบที่บริเวณบ้านห้วยลำโมง หมู่ที่ 3 ต.คำบก อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร และในปีงบประมาณ 2551 สำนักงาน กปร. ได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการจัดหาน้ำช่วยเหลือราษฎรบ้านห้วยลำโมง โดยทำการก่อสร้างฝายทดน้ำห้วยปุ่ง 1 แห่ง สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ทำการเกษตรในฤดูฝนได้ 800 ไร่ และทำการก่อสร้างฝายทดน้ำป่าภูเขากวางเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง โดยสามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ทำการเกษตรในฤดูฝนได้อีก 500 ไร่ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรของบ้านห้วยลำโมงทั้งหมด ซึ่งต่อไปจะทำให้ราษฎรมีน้ำใช้สำหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในฤดูแล้งอย่างเพียงพอ รวมทั้งการก่อสร้างถังเก็บน้ำให้ราษฎรบ้านห้วยลำโมงและที่พักสงฆ์ป่าภูเขากวางเพิ่มเติมรวม 2 แห่ง จะเป็นการเสริมน้ำให้กับระบบประปาของ ต.คำบก และระบบประปาของที่พักสงฆ์ป่าภูเขากวางที่มีอยู่เดิม เพื่อใช้อุปโภค บริโภคในฤดูแล้งอีกด้วย
นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการ สำนักงาน กปร. กล่าวว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ทั้ง 2 แห่งเสร็จเรียบร้อยแล้วและในโอกาสนี้ราษฎรผู้ที่ได้รับประโยชน์ได้ตระหนัก ถึงพระมหากรุณาธิคุณและเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการจึงได้รวมตัว กันจัดให้มีพิธีส่งมอบโครงการฯ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรในพื้นที่โดยตรง ทั้งนี้จะทำให้ชุมชนเกิดความรักความสามัคคีในการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยจะทำให้ราษฎรบ้านห้วยลำโมงมีแหล่งน้ำในการอำนวยประโยชน์สำหรับการ อุปโภค-บริโภค และเป็นแหล่งน้ำสำหรับเพาะพันธุ์ปลาและประมงหมู่บ้าน รวมทั้งส่งผลให้เกิดการอนุรักษ์และรักษาสภาพต้นน้ำลำธารธรรมชาติ ทำให้เกิดความชุ่มชื้นแก่พื้นดินและป่าไม้ ที่สำคัญราษฎรสามารถทำการเกษตรในพื้นที่ 550 ไร่ได้ตลอดทั้งปี