ระยะเวลาดำเนินงาน
- ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง ครั้งแรก เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2523 รวมระยะเวลา 8 ปี เป็นเขื่อนดินขนาดสูง 23.00 เมตร ยาว 1,500 เมตร สันเขื่อนกว้าง 8.00 เมตร ความจุ 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร มีระบบส่งน้ำคลองสายใหญ่ฝั่งขวาและฝั่งซ้ายยาวรวมประมาณ 24.00 กิโลเมตร พื้นที่ชลประทาน 15,300 ไร่
ลักษณะโครงการประกอบด้วย
3.1 ตัวเขื่อน
- เป็นเขื่อนดินชนิด ( ZONE TYPE ) สันเขื่อนกว้าง 9.00 เมตร สูง 26.00 เมตร ยาว 1,540 เมตร
- ระดับสันเขื่อน + 89.000 เมตร ( รทก. )
- ระดับน้ำสูงสุด + 86.450 เมตร ( รทก. )
- ระดับน้ำเก็บกัก + 84.800 เมตร ( รทก. )
- ระดับน้ำต่ำสุด + 72.000 เมตร ( รทก. )
- ปริมาณน้ำที่ระดับน้ำสูงสุด 51.58 ล้านลูกบาศก์เมตร
- ปริมาณน้ำที่ระดับน้ำเก็บกัก 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร
- ปริมาณน้ำที่ระดับน้ำต่ำสุด 4.00 ล้านลูกบาศก์เมตร
3.2 อาคารประกอบ
- อาคารระบายน้ำล้น ( SPILLWAY ) แบบ OGEE WEIR รูปตัวยู กว้าง 39.00 เมตร ยาว 175 เมตร
สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
- อาคารท่อระบายน้ำปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายขนาด ? 0.80 เมตร สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 3.50 ลูกบาศก์เมตร
ต่อวินาที
- อาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิมขนาด ? 1.00 เมตร สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 5.80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
3.3 ระบบส่งน้ำ
- ประกอบด้วยคลองส่งน้ำสายต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 4 สาย มีความยาวรวมทั้งหมดประมาณ 27.00 กิโลเมตร
- ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง ครั้งสอง ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำตามแนวพระราชดำริ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2548 รวมระยะเวลา 2 ปี
กรมชลประทานได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริโดยการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม คณะทำงานได้ทำการศึกษาและสรุปว่า ควรเพิ่มระดับเก็บกักน้ำอีก 2.00 เมตร จากเดิมระดับ +82.800 เมตร (รทก.) เป็น +84.800 เมตร (รทก.) และเพิ่ความสูงเขื่อนอีก 3.00 เมตร จากเดิมระดับ +86.000 เมตร (รทก.) เป็น +89.000 เมตร (รทก.) ทำให้ความจุอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอีก 9.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ( เดิมมีความจุ 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ) และมีพื้นที่น้ำท่วมบริเวณอ่างเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้นประมาณ 1,125 ไร่ ( เดิมพื้นที่น้ำท่วม 2,687.5 ไร่ เพิ่มเป็น 3,812.5 ไร่ ) มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากน้ำท่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จสามารถสร้างความชุ่มชื้นในป่าโดยรอบ ทำให้ช้างป่ามีแหล่งน้ำกินและสามารถเพิ่มพื้นที่การเกษตรได้อีก 5,000 ไร่ (จากเดิม 15,300 ไร่ เพิ่มเป็น 20,300 ไร่) รวมทั้งสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับลุ่มน้ำกุยบุรีได้
การดำเนินงานก่อสร้างโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น ทรงมีพระราชดำริให้ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี ( พ.ศ.2547 ถึง พ.ศ.2548 ) ซึ่งมีรายละเอียดกิจกรรมที่ดำเนินงานสรุปได้ดังนี้
1. กิจกรรมปรับปรุงเขื่อนดิน โดยเสริมทำนบดินเพื่อเพิ่มความสูงของตัวเขื่อนจากเดิมอีก 3.00 เมตร เป็นความสูง 26.00 เมตร ความกว้างสันเขื่อน 9.00 เมตร ความยาวสันเขื่อน 1,540.00 เมตร สามารถเพิ่มระดับการเก็บกักน้ำขึ้นอีก 2.00 เมตร ทำให้ความจุของอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือความจุเพิ่มขึ้น 9.10 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. กิจกรรมอาคารระบายน้ำล้น ( Spillway ) โดยปรับปรุงอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กรูปตัวยู ( U ) ชนิด Ogee Weir ความยาวสันฝาย 175.00 เมตร กว้าง 39.00 เมตร ระบายน้ำได้สูงสุด 650.00 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
3. กิจกรรมปรับปรุงอาคารท่อระบายน้ำปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ( Canal Outlet ) โดยขยายความยาวท่อด้านท้ายอาคารท่อระบายน้ำขนาด 1 - ? 1.50 เมตร ระบายน้ำได้ 3.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
4. กิจกรรมก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ( River Outlet ) โดยก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำ Steel Liner หุ้มด้วยคอนกรีต ขนาด 1 - ? 1.00 เมตร สามารถระบายน้ำได้ 5.80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
5. กิจกรรมก่อสร้างส่วนอื่นๆ โดยดำเนินการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน และปรับปรุงถนนทดแทนถนนเดิมที่ถูกน้ำท่วม
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.สามารถเพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำขึ้นอีก 9.10 ล้านลูกบาศก์เมตร ( เดิมมีความจุ 32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร )
2. สามารถสร้างความชุ่มชื้นในป่าโดยรอบ ทำให้ช้างป่ามีแหล่งน้ำกิน
3.และสามารถเพิ่มพื้นที่การเกษตรได้อีก 5,000 ไร่ (จากเดิม 15,300 ไร่ เพิ่มเป็น 20,300 ไร่) รวมทั้งสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับลุ่มน้ำกุยบุรีได้