หน้าหลัก เกี่ยวกับเรา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จุดเยี่ยมชม ประมวลภาพกิจกรรม ตอบคำถามชิงของรางวัล ติดต่อเรา

 

     

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดสกลนคร

พระราชดำรที่ตั้งโครงการ วัตถุประสงค์โครงการ

ลักษณะโครงการ ผู้ได้รับประโยชน์ ผลการดำเนินงานและกิจกรรมโครงการ

ความสำเร็จของโครงการ ประมวลภาพโครงการ

   
พระราชดำริ :
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
แนวพระราชดำริ :

          เมื่อวันที่ 2-20 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภูมิภาคแรกอย่างทั่วถึงจึงเป็นที่ปลาบปลื้มปิติยินดีของมวลพสกนิกรทั้งหลายยิ่งนัก ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ทำให้พระองค์ทรงประสบปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร ภาคอิสานว่าแร้นแค้นยิ่งนัก อีกทั้งการคมนาคมหลายแห่งทุรกันดารยิ่งและถือได้ว่าการเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นทำให้ทรงได้รับรู้ข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นที่สำคัญด้านการพัฒนา และเป็นรากฐานสู่การพัฒนาศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

จุดกำเนิดศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน  อันเนื่องมากพระราชดำริ
          จารึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นเหตุปัญหาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพะราชดำริ จากเอกสารข้อมูลส่วนพระองค์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานแก่สำนักงาน กปร. (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) มีความตอนหนึ่งว่า
          "...ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เดิมเป็นป่าโปร่งคนไปตัดไม้สำหรับเป็นฟืนและใช้พื้นที่สำหรับทำการการเกษตรกรรมป่าไม้ที่อยู่เหนือพื้นที่ถูกทำลายไปมาก จึงไม่มีน้ำในหน้าแล้ง น้ำไหลแรงในหน้าฝน ทำให้มีการชะล้าง (Erosion)  หน้าดิน (Top Soil) บางลง และเกลือที่อยู่ข้างใต้จะขึ้นเป็นหย่อมๆ..."
          พร้อมกันนี้ได้พระราชทานข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของดินบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ว่า
          "...เป็นดินทราย  ดินเค็ม  ขาดน้ำ..."
          ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525 พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี และนายสุนทร เรืองเล็กอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเล็ก จินดาสงวน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรมราชองครักษ์ สวนจิตรลดาได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ เป็นครั้งแรก โดยทรงให้พิจารณาวางโครงการจัดหา น้ำสนับสนุนโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานตามพระราชดำริ  จังหวัดสกลนคร

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทดลอง งานพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ อันได้แก่ การพัฒนาป่าไม้ การเกษตรต่างๆ ตามความเหมาะสม รวมทั้งการดำเนินงานด้านเกษตรอุตสาหกรรม สำหรับเป็นตัวอย่างให้ราษฎรนำไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเองได้  อันจะนำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองได้ ต่อไป และได้พระราชทานพระราชดำริ  ให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่ ที่พิกัด 48 QUD 961-909 แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 ระวาง 5843 III เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนศูนย์ฯ  พื้นที่โครงการประมาณ 1,800  ไร่ ให้สามารถ ส่งน้ำใช้ทำการศึกษาและทดลองได้ตลอดทั้งปี
          ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2526 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จทอดพระเนตรตรวจสภาพพื้นที่บริเวณ บ้านนานกเค้า และเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปถึงพื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริ
          ให้พิจารณานำน้ำจากอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่มาสนับสนุนพื้นที่ เกษตรกรบริเวณบ้านนานกเค้า และทรงคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งศูนย์ ณ บริเวณบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นพื้นที่ตัวแทนของภูมิภาคทั้งหมด ด้วยพื้นที่นี้มีลักษณะสภาพธรรมชาติแวดล้อม และวงจรชีวภาพที่คล้ายคลึงกับภูมิภาคโดยทั่วไป ของภาคอิสาน
          ดังนั้น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นแบบจำลองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นพื้นที่ส่วนย่อที่สอดค้องกับการแก้ปัญหา และศึกษาวิธีการพัฒนาของภูมิภาคนี้ได้อย่างเหมาะสม
          ในปี พ.ศ. 2527 ได้ดำเนินการก่อตั้งที่ทำการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ หมู่บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร  ตั้งอยู่เส้นรุ้งที่ 17.04 องศา ถึง 17.07 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 104.00 องศา ถึง 104.04 องศา ตะวันออกบ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000
โทร. 0-4274-7458-9 โทรสาร. 0-4274-7460 ถนนสาย สกลนคร - กาฬสินธุ์ ประกอบด้วยพื้นที่ 11,300 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
1. พื้นที่สาธิตเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม จำนวน 2,300 ไร่
2.พื้นที่พัฒนาป่าไม้ จำนวน 1,1000 ไร่ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ 22 หมู่บ้าน จำนวน 11,000 ไร่                                                                       

 
 
ที่ตั้งของโครงการ : บ้านนานกเค้า   ตำบลห้วยยาง   อำเภอเมือง   จังหวัดสกลนคร 
   
วัตถุประสงค์โครงการ :

1.เพื่อให้เป็นสถานศึกษา ทดลอง ด้านการพัฒนาทุกรูปแบบ และถ่ายทอดเทคโนโลยีแผนใหม่ให้แก่เกษตรกร
2.เพื่อส่งเสริมให้มีการบำรุงรักษาและพัฒนาป่าไม่ในเขตปริฆณฑลของศูนย์ฯ ภูพาน ด้วยระบบชลประทาน
3.เพื่อการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจและนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นสินค้าเกษตรกรรม
4.เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพทางการเกษตรต่างๆ เช่น กสิกรรม การประมง การปศุสัตว์ เป็นต้น

หน่วยงานผู้ดำเนินงาน /หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง :
สำนักงาน กปร.
 

ลักษณะโครงการ :
เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนา

ผู้ได้รับประโยชน์ :
เกษตรกรรอบศูนย์ฯ

ผลการดำเนินงานและกิจกรรมโครงการ :

พื้นที่ในการดำเนินการ         
พื้นที่ในการดำเนินการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ แบ่งพื้นที่ออกได้ดังนี้
-  พื้นที่ทำการและแปลงทดลองกิจกรรมต่าง ๆ                         2,300     ไร่
-  พื้นที่เขตปริมณฑลเพื่อการพัฒนาป่าไม้                             11,000      ไร่
-  พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ ภูพาน  22  หมู่บ้าน                      110,000      ไร่   
รวมพื้นที่ทั้งหมด                                                                 123,300     ไร่

 

ความสำเร็จของโครงการ :

19 ผลสำเร็จ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

          โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานไว้ให้ถึง4,000 กว่าโครงการทั่วประเทศนับว่าเป็นห้องเรียน เป็นห้องสมุด เป็นห้องนิทรรศการธรรมชาติสำหรับประชาชนคนไทยที่จะมีความต้องการจะศึกษาเรียนรู้แนวทางในการประกอบอาชีพเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขบนความพอเพียงพอมีพอกิน

          ณ พื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมอันเกิดจากการทดลอง วิจัย ค้นคว้า พิสูจน์แล้วว่าเดินตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานให้แล้วโดยการน้อมนำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิสังคมหรือพื้นที่ ก็จะสำเร็จผลดังใจหวังทุกราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดิน เรื่องน้ำ เรื่องพืช เรื่องสัตว์ เรื่องการพัฒนาอาชีพผลผลิต เป็นสูตรที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นหลักไว้ให้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยให้ความสะดวกให้คำแนะนำให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

          หัวใจสำคัญที่จะก้าวไปสู่ความสุขอันเกิดจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมๆตามแนวพระราชดำริก็คือต้องขยันหมั่นเพียร อดทน อดออม ไม่โลภ พยายามไม่ข้องแวะอบายมุขทุกประเภท รูรักสามัคคี มีความกตัญญูกตเวที ประสบผลสำเร็จมีความสุขอย่างยั่งยืนบนความพออยู่พอกินทุกรายตามสถานภาพของอาชีพ

          อย่างเช่นศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานให้จัดตั้งไว้ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศถึง 6 ศูนย์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เป็นห้องเรียนรู้ ห้องสมุด ห้องนิทรรศการธรรมชาติที่แสดงผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยมที่ผ่านกระบวนการดังกล่าวข้างต้นให้ประชาชนได้ไปศึกษาค้นคว้านำไปใช้ได้มีทุกเรื่องทุกทางที่อยากจะหาความรู้

          ผลดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทุ่มเทพระวรกายพระสติปัญญา ด้วยพระวิริยอุตสาหะ อันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใย และด้วยพระราชปณิธานที่ทรงต้องการจะปลดเปลื้องทุกข์ให้หมดไปจากประชาชนของพระองค์

          ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอีกจุดหนึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสกลนคร อันถือว่าเป็นหัวใจของภาคอีสาน ได้ดำเนินการศึกษาทดลองวิจัยและสาธิตอย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบันเป็นเวลา 3 ทศวรรษ มีผลการศึกษาทดลองกว่า 200 เรื่อง

          มีผลสำเร็จจากการศึกษา ทดลอง วิจัย ที่มีความโดดเด่น 19 เรื่อง สามารถนำไปขยายผลเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของเกษตรกรได้ นอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงส่วนหนึ่งของการพัฒนาจากอดีตถึงปัจจุบันที่ได้มีการสั่งสมองค์ความรู้และทฤษฎีการพัฒนาตามแนวพระราชดำริในลักษณะ "สร้างน้ำ เพิ่มป่า พัฒนาชีวิตที่พอเพียง"ได้อย่างชัดเจนเกิดผลสำเร็จแน่นอนและยั่งยืน

ผลสำเร็จที่1 สายธารแห่งชีวิต

          ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯจึงเป็นเสมือนแบบจำลองของภาคอีสานเพื่อศึกษาวิธีการพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคม โดยได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ อันได้แก่ ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก,ป่าเปียก,การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างและปลูกป่าในใจคน

ผลสำเร็จที่ 2 การเลี้ยงโคเนื้อทาจิมะภูพาน

          ปัจจุบันการเลี้ยงโคดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ "ทาจิมะภูพาน" เป็นสายพันธุ์ที่ให้เนื้อคุณภาพดีที่สุดในโลก มีความนุ่ม ไขมันแทรกเกรดสูง ที่สำคัญคือมีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัวกรดไขมันอิ่มตัวสูงกว่าโคทั่วไป มีผลทำให้เนื้อโคทาจิมะปลอดภัยต่อการบริโภค

          การพัฒนาโคเนื้อทาจิมะมุ่งเน้นการใช้โคแม่พันธุ์ที่ราษฎรมีอยู่แล้วมาผสมกับน้ำเชื้อโคทาจิมะภูพาน แล้วทำการขุนลูกโคเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการประกอบอาชีพที่ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกันก็ลดต้นทุนลงได้อีก

ผลสำเร็จที่ 3 การเลี้ยงไก่ดำภูพาน

          ไก่ดำจัดเป็นอาหารบำรุงสุขภาพและได้รับความนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ไก่ดำภูพานเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯได้ศึกษาพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ให้ได้ไก่ดำพันธุ์ดี ทนโรค เลี้ยงง่าย โตเร็ว ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงได้ จึงสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อีกทางหนึ่งเป็นรายได้เสริม ขนาดของไก่น้ำหนัก 1 กิโลกรัมราคา 250 บาท ซึ่งไก่เนื้อทั่วไปราคาเพียง 80 บาทเท่านั้น

ผลสำเร็จที่ 4 การเลี้ยงสุกรภูพาน

          สุกรหรือหมูภูพาน เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์จากสุกร 4 สายพันธุ์ที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน คือพันธุ์เหมยซาน พันธุ์พื้นเมืองสกลนคร พันธุ์ดูร็อกเจอร์ซี่และพันธุ์แลนด์เรซ เพื่อให้ได้สุกรที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่นเลี้ยงง่าย โตเร็ว ให้ลูกดก ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์การเลี้ยงของเกษตรกรได้อย่างดี ปัจจุบันสามารถผลิตสุกรภูพานได้ 2 สายพันธุ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรที่หลากหลาย

ผลสำเร็จที่ 5 การปลูกข้าวพันธุ์สกลนคร

          ข้าวพันธุ์ดังกล่าวเป็นข้าวเหนียวที่ปลูกได้ทั้งนาดอน นาชลประทานและสภาพไร่ภาคอีสาน ปลูกได้ทั้งปี คุณภาพข้าวเหนียวที่หุงสุกแล้วเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอม เป็นอีกทางหนึ่งของเกษตรกรที่สามารถจะใช้เป็นเครื่องมือในการนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้

ผลสำเร็จที่ 6 การปลูกข้าวขาวพันธุ์ดอกมะลิ 105

          ข้าวขาวพันธุ์ดอกมะลิ 105 เป็นข้าวเจ้าที่ทนแล้งได้ดีพอสมควร ทนต่อสภาพดินเปรี้ยวและดินเค็ม เมล็ดข้าวสารใส แกร่ง คุณภาพการสีดี คุณภาพข้าวสุกอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอม

ผลสำเร็จที่ 7 ลิ้นจี่นพ.1

          ลิ้นจี้สายพันธุ์นี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในภาคอีสานเขตจังหวัดที่มีความหนาวเย็นสม่ำเสมอ ออกดอกติดผลสม่ำเสมอทุกปี ผลมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีลักษณะเด่นคือออกดอกเดือนธันวาคมและเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายนของทุกปี ทำให้จำหน่ายได้ราคาดี

ผลสำเร็จที่ 8 การเลี้ยงสัตว์ปีกเพื่อควบคุมศัตรูพืชสวนผลไม้

          เป็นไปในลักษณะของการพึ่งพาตนเอง นั่นคือการใช้ธรรมชาติช่วยดูแลธรรมชาติหรือใช้ธรรมชาติควบคุมกันเองเช่นการควบคุมศัตรูพืชในสวนผลไม้ โดยการเลี้ยงห่านเพื่อควบคุมวัชพืชซึ่งห่านเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงไก่พื้นเมืองเพื่อควบคุมแมลงในสวนไม้ผลในอัตรา 100 ตัวต่อไร่ นอกจากจะทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่มีคุณภาพปราศจากสารพิษโรคและแมลงแล้ว ยังได้อาหารจากการเลี้ยงห่านเลี้ยงไก่ที่จะให้ทั้งไข่และเนื้อตลอดทั้งปี แล้วยังได้ปุ๋ยคอกไปพร้อมๆกันด้วย

ผลสำเร็จที่ 9 การผลิตวุ้นเส้นจากถั่วเขียว

          เมล็ดถั่วเขียวมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบอยู่ถึงร้อยละ 56 มีโปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่และยังมีอะมายโลสและอะมายโลเพคตีน จึงสามารถผลิตเป็นแป้งที่มีคุณภาพ นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นที่เหนียวนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ย เป็นที่ต้องการและนิยมบริโภคกันทั่วไป ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกสลับพืชอื่นๆทำให้สามารถมีรายได้เสริมได้

ผลสำเร็จที่ 10 การเลี้ยงปลานิลแดงร่วมกับเป็ดบาบาลี

          นี่เป็นแนวทางที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯได้ส่งเสริมให้ราษฎรได้เรียนรู้เพื่อน้ำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพเสริมในลักษณะการผสมผสาน เนื่องจากปัจจัยหลักของการเกษตรต้องมีแหล่งน้ำเช่นสระ หรือจะเป็นบ่อเลี้ยงปลาโดยเฉพาะปลานิลแดงที่เหมาะแก่สภาพพื้นที่ภาคอีสาน ใน 1 บ่อเลี้ยงปลานิลแดงได้ 1 รุ่น เวลา 8 เดือน เลี้ยงเป็ดบาบาลีลูกผสมได้ถึง 2 รุ่น ทำให้มีรายได้ทั้งจากปลาและจากเป็ด

ผลสำเร็จที่ 11 การเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์

ผลสำเร็จที่ 12 เกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

          คือการบริหารจัดการทรัพยากรทั้งดินและน้ำที่มีอยู่จำกัดในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง เน้นวิถีแห่งการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุดด้วยปัจจัยที่มีอยู่ในพื้นที่ลดพึ่งพาปัจจัยภายนอกให้มากที่สุด ด้วยวิธีการดำเนินการ 3 ขั้นตอน คือทำแบบค่อยเป็นค่อยไปตามกำลังพอมีพอกินไม่อดอยาก คือร่วมแรงร่วมใจในเรื่องของการผลิต การตลาด การเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคม ศาสนา และคือร่วมมือกับแหล่งเงินและพลังงานเช่นการตั้งบริการโรงสี ตั้งบริการร้านสหกรณ์ ช่วยกันลงทุน ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตร่วมกันของชุมชน

ผลสำเร็จที่ 13 การจัดการดินเค็มเพื่อปลูกข้าว

ผลสำเร็จที่14 การจัดการดินลูกรังเพื่อปลูกไม้ผล

ผลสำเร็จที่ 15 การเพาะเห็ดเศรษฐกิจและเห็ดพื้นเมือง

ผลสำเร็จที่ 16 คือการส่งเสริมให้ปลูกยางพาราที่เวลานี้มีราคาสูงมาก

ผลสำเร็จที่ 17 ส่งเสริมให้เกษตรกรในภาคอีสานปลูกหม่อนพันธุ์สกลนครและไหมพันธุ์นางตุ่ยสกลนคร ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้สามารถประหยัดในการลงทุนได้มาก

ผลสำเร็จที่ 18 การส่งเสริมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพร

ผลสำเร็จที่ 19 การส่งเสริมการผลิตผ้าย้อมคราม

          ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทุกแห่งทุกภูมิภาคมีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เสริมสร้างประสบการณ์แก่ราษฎรทุกภูมิภาค เฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสานก็คือที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ สามารถสร้างความสำเร็จให้ทุกคนที่เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่พระราชทานเป็นหลักการดำเนินชีวิตแก่คนไทยทุกสาขาอาชีพไม่เพียงเฉพาะอาชีพเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ทุกอาชีพทุกชนชั้นไปศึกษาเรียนรู้ได้เพื่อนำพาตัวเอง ครอบครัว ชุมชน สู่ความสุขอย่างยั่งยืนบนความพอมีพอกิน

          หัวใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินพระองค์เป็นแบบอย่างคือความขยันหมั่นเพียร อดทน อดออม รู้รักสามัคคี ไม่โลภ ห่างไกลอบายมุข หรือก็คือต้องรู้จักพอประมาณ มีเหตุมีผล สร้างภูมิคุ้มกันให้กับการดำรงชีวิตนั่นเอง

   


ที่มาของข้อมูล : สำนักงาน กปร. ,ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ,นสพ.สยามรัฐ

ผู้ที่เกี่ยวข้อง :
กลุ่มผู้ใช้น้ำ …………………………………………………………………………
เบอร์ติดต่อ ……………………………………………………………………………………….…
ที่อยู่ …………………………………………………………………………………………………

 



Copyright 2010 - Office of The Royal Development Projects Board. All rights reserved.