การตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมราษฎรตามต่างจังหวัดทุกภูมิภาคของประเทศเป็นเวลายาวนาน ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่าป่าไม้มากมายได้ถูกทำลายไปโดยฝีมือมนุษย์ สาเหตุของการตัดไม้ทำลายป่า เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง เพราะความเห็นแก่ตัวบ้าง และความยากจนทำให้ต้องรับจ้างตัดไม้เลื่อยไม้ เผาถ่าน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เป็นการดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด เมื่อป่าหมดสภาพไป นอกจากทำให้เกิดภาวะฝนแล้ง ปลูกพืชพรรณธัญญาหารไม่ได้ผล สัตว์ป่าเมืองไทยที่เคยมีชุกชุมตามป่าเขาลำนำไพร ก็พลอยลดจำยวนลง บางชนิดสูญพันธุ์ไปก็มี
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงห่วงใยในปัญหาดังกล่าว ดังนั้นในขณะที่ทรงสร้างงานด้านศิลปาชีพเพื่อให้ราษฎรมีรายได้เสริม มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ทรงสร้างงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดจนปลูกฝังคุณธรรม เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาท้องถิ่นพร้อมกันไปด้วยดังจะเห็นว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรแหล่งน้ำ เรื่องดิน เพื่อพัฒนาที่ทำกินให้แก่ราษฎร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็สนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเห็นว่าประชาชนในภาคอีสานขาดแคลนน้ำ ทรงคิดว่าป่าไม้เป็นที่ดูดซึมกักเก็บน้ำไว้ในรากใต้ดินทำให้เกิดน้ำซับเป็นลำธารขึ้น จึงทรงชักชวนให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่า จึงจัดตั้งโครงการป่ารักน้ำแห่งแรกขึ้นที่บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ได้พระราชทานเงินของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพและเงินของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำนวนหนึ่ง ตั้งเป็นกองทุนอาชีพสำหรับโครงการป่ารักน้ำ ทรงมอบหมายให้ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ ราชเลขานุการในพระองค์ และพันเอกเรวัต บุญทับ (ปัจจุบันคือ พลเอกณพล บุญทับ) ผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 23 เตรียมพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อทรงปลูกป่าเป็นตัวอย่างแก่ราษฎร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพราหมณ์มาทำพิธีบวงสรวงประกาศอัญเชิญเทพยดาอารักษ์ เจ้าป่า มาสถิตอยู่ ณ ป่าที่ทรงปลูก เพื่อรวมน้ำใจชาวบ้านและสร้างความศักดิ์สิทธิ์แก่โครงการ ทรงปลูกอย่างถูกวิธีเป็นตัวอย่าง แล้วทรงชวนราษฎรร่วมกันปลูกป่า ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงนำข้าราชการ และประชาชน ปลูกป่าในที่ที่เตรียมไว้ และได้ทรงประราชทานชื่อโครงการนี้ว่า โครงการป่ารักน้ำ
การประกอบพิธีในครั้งนี้ ได้มีประชาชนจากอำเภอสว่างแดนดิน อำเภอส่องดาว และอำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร ทรงปลูกไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้ซ้อ กระถินณรงค์ ยูคาลิปตัส ประมาณ 100 ต้น ในเนื้อที่ 1 ไร่ เพื่อให้ราษฎรได้เห็นการปลูกอย่างถูกวิธี ทรงมอบหมายให้ราษฎรบ้านถ้ำติ้ว 35 ครอบครัว ช่วยดูแลรักษาป่า โดยได้พระราชทานเงินครอบครัวละ 3,000 บาท พร้อมทั้งทรงเช่าที่จากราษฎรที่ทิ้งรกร้างว่างเปล่า และทรงมอบหมายให้ราษฎรปลูกป่าเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก