องคมนตรี ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2567 โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และนายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน คณะผู้บริหารสำนักงาน กปร. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศและประเมินสถานการณ์น้ำภาพรวม เนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยแล้วหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชัน “ยางิ” ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง มีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และตาก
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน (11 ก.ย. 67) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 49,885 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือประมาณ 65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 26,452 ล้าน ลบ.ม. หรือ 35% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรองรับน้ำฝนได้อย่างเต็มศักยภาพ
ด้านสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักมากกว่า 200 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและปริมาณน้ำจำนวนมากในลำน้ำแม่สาย ลำน้ำกก และลำน้ำแม่จัน ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เมืองเชียงราย และ อ.แม่จัน กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทานเชียงราย ได้เร่งระบายน้ำแม่น้ำสายลงสู่คลองระบายน้ำต่าง ๆ เพื่อระบายลงสู่ลำน้ำมะ ลำน้ำรวก ออกสู่แม่น้ำโขงตามลำดับ นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมกันกำจัดเศษกิ่งไม้และวัชพืชที่ลอยมาตามน้ำออกจากทางน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำเดิม พร้อมเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ ไว้รองรับสถานการณ์หลังระดับน้ำเริ่มลดลงด้วย
ขณะที่สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท ได้ปรับลดการระบายน้ำลง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่ไหลลงมาสมทบ ซึ่งแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งยังช่วยบรรเทาผลกระทบด้านท้ายน้ำด้วย ที่ปัจจุบันมีพื้นที่นอกคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบบริเวณชุมชนแม่น้ำน้อย คลองบางหลวง และคลองบางบาล
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำ ด้วยการควบคุมบานระบายของเขื่อนในแม่น้ำชีทุกแห่ง เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำชีให้ไหลลงแม่น้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขงโดยเร็ว โดยจะต้องควบคุมไม่ให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ตลิ่งทรุดและให้มีระดับน้ำที่แพสูบน้ำต่าง ๆ ของท้องถิ่นสามารถลอยน้ำอยู่ได้ ส่วนด้านท้ายน้ำจะพร่องน้ำที่เขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนา พร้อมแขวนบานที่เขื่อนปากมูล เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้มากที่สุด ขณะที่เทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ และอำเภอเมือง จ.อุบลราชธานี ได้เฝ้าระวังในจุดเปราะบางที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมเสริมกำแพงปิดช่องว่าง สามารถเพิ่มความจุลำน้ำได้จากเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 3,200 ลบ.ม./วิ