โครงการอบรมก้าวทัน Thailand ๔.๐ : หลักสูตรเสริมสร้างความเข้าใจการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance for Government) และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (PDPA : Personal Data Protection Act)
๑. หลักการและเหตุผล
การปฏิรูปประเทศไทยเพื่อนำไปสู่ “ความมั่นคง ความมั่งคั่ง และความยั่งยืน” ตามนโยบาย Thailand ๔.๐ ส่งผลให้องค์กรจำเป็นต้องปรับกระบวนการทำงานให้ก้าวทันยุคดิจิทัล โดยบุคลากรทุกฝ่ายจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทั้งด้านทัศนคติ ความรู้และมีทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมต่อการทำงาน ช่วยยกระดับสมรรถนะขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้มีการนำเอาระบบสารสนเทศเข้ามาช่วยในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน ทั้งในเรื่องการทำงานและการดำเนินชีวิตของประชาชนจะเห็นได้ว่าข้อมูลคือสิ่งที่สำคัญ โดยเชื่อว่าข้อมูลคือทรัพย์สินที่มีค่าอย่างอย่างหนึ่ง ทีถูกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ของหน่วยงาน ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลเริ่มมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้หน่วยงานอาจประสบปัญหาในเรื่องคุณภาพของข้อมูล ความซ้ำซ้อนการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงความถูกต้อง มั่นคงปลอดภัยของข้อมูล สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงาน อนึ่ง ข้อมูลที่ดีตามธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ นอกจากต้องมีคุณภาพและมั่นคงปลอดภัยแล้ว มีอีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึงคือ “ข้อมูลส่วนบุคคล” โดยในกรณีที่ต้องการเผยแพร่หรือแบ่งปันข้อมูล ส่วนบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนพันธกิจของหน่วยงาน จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอันใดต่อเจ้าของข้อมูลนั้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
เพื่อให้สำนักงาน กปร. ปรับองค์กรให้ก้าวทัน Thailand ๔.๐ พร้อมกับการขับเคลื่อนไปสู่องค์กรดิจิทัล ตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีการกำหนดให้มีการจัดทำ“ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ผลักดันและดำเนินการให้การบริหารจัดการข้อมูลให้มีคุณภาพ ตรวจสอบได้ มีความถูกต้อง ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล ความมั่นคงปลอดภัยรักษาความเป็นส่วนบุคคล บูรณาการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ และมี “พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒” เป็นแนวทางที่ใช้ในการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศูนย์สารสนเทศ สำนักงาน กปร. จึงได้จัดทำโครงการอบรมหลักสูตร “การเสริมสร้าง ความเข้าใจการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA : Personal Data Prodtection Act) เพื่อการบริหารสู่องค์กรดิจิทัล”ขึ้นเพื่อให้บุคลากรของสำนักงาน กปร. ได้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำมาปรับใช้ เพื่อสนับสนุนภารกิจหน่วยงานให้ประสิทธิภาพก่อเกิดผลลัพธ์ที่นำไปปฏิบัติต่อไปได้จริง
๒. วัตถุประสงค์
๒.๑ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ ตลอดจนสมรรถนะที่จำเป็น เตรียมพร้อมปรับตัวให้ก้าวทันThailand ๔.๐
๒.๒ เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร สำนักงาน กปร. ให้มีความรู้ความเข้าใจในการ ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
๒.๓ เพื่อให้บุคลากร สำนักงาน กปร. ได้นำความรู้ไปใช้ในการจัดทำธรรมภิบาลของหน่วยงานตลอดจนเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือให้เหมาะสมและสามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้
๓. ผู้เข้าร่วมโครงการ
บุคลากรศูนย์สารสนเทศ คณะทำงานพัฒนาและส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศของสำนักงาน กปร.ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานราชการ จำนวน ๗๐ คน
๔. ระยะเวลาดำเนินโครงการ
ใช้ระยะเวลาการบรรยาย ๑ วัน กำหนดวันพุธที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๐๐ น.
๕. วัน เวลา และวิธีการดำเนินการ
การบรรยายให้ความรู้และตอบข้อซักถาม (ภาคเช้า - ภาคบ่าย) ที่ห้องประชุม ๑๐๑ (Onsite) พร้อมทั้งผ่านระบบ Video Conference (Online)
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
๑. บุลากรสำนักงาน กปร. มีความรู้ เข้าใจ ทัศนคติ สอดรับต่อการพัฒนาตนเองในยุค Thailand ๔.๐
๒. บุคลากรสำนักงาน กปร. มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
๓. บุคลากรสำนักงาน กปร. สามารถนำความรู้เกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ นำไปสู่การปฎิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในการทำงานและการปรับใช้ในชีวิตจริงของตนเอง
วิธีการประเมินผลเนื้อหาและกิจกรรมการฝึกอบรม
ประเมินผลโดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม โดยผู้เข้ารับการศึกษาอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ มีความเห็นว่าการจัดอบรมเป็นประโยชน์และมีความพึงพอใจในระดับมากขึ้นไป