สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)
Office of the Royal Development Projects Board (ORDPB)

โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร – จังหวัดนครพนม

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาวางโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร-นครพนม เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรบริเวณสองฝั่งของลำน้ำก่ำที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และขาดแคลนน้ำทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง

ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติม ให้พิจารณาดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำเล็ก ๆ โดยลดขนาดความสูงของประตูระบายน้ำลงมาแล้วเจรจากับราษฎรที่ครอบครองพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม และให้เก็บกักน้ำในร่องน้ำแล้วให้ราษฎรสูบน้ำไปใช้เอง
 

ภาพยึกยือพระราชทานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ
ทรงวาดบนเครื่องบินพระที่นั่ง

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2555 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคด้วยเรือพระที่นั่งอังสนาไปทรงประกอบพิธีเปิดโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 5 แห่ง ณ กรมชลประทาน สามเสน โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการประตูระบายน้ำ น้ำก่ำตอนตอนล่าง ซึ่งพระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อ “ธรณิศนฤมิต”อันมีความหมายว่า ประตูระบายน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้จัดสร้างขึ้น

   ในปี 2548 สำนักงาน กปร. ได้ประสานกรมชลประทานดำเนินการสนองพระราชดำริ ซึ่งสามารถสรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้

        1. ประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า ตำบลหนองเทาใหญ่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนมเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2546 แล้วเสร็จตามแผนงานเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 เป็นอาคารบังคับน้ำ จำนวน 3ช่อง ระบายน้ำได้ 225 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีฤดูฝนที่ผ่านมาได้ใช้ประโยชน์ในการระบายน้ำเพื่อไม่ให้ท่วมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรและช่วงปลายฤดูฝนในเดือนตุลาคมจะเริ่มปิดประตูระบายน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ซึ่งจะกักเก็บน้ำได้ 730,000 ลูกบาศก์เมตรสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกได้ 5,500 ไร่

           2. ประตูระบายน้ำบ้านนาบัว ตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เป็นอาคารบังคับน้ำ จำนวน 3ช่อง ระบายน้ำได้ ๒๒๕ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะกักเก็บน้ำได้ 1,050,000 ลูกบาศก์เมตรสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างต่ำ 2,840 ไร่ทั้งนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กปร. เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 โดยจะใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี

           3. ประตูระบายน้ำก่ำตอนล่าง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นอาคารบังคับน้ำสูง 143.5เมตร (รทก.) มีบานระบายน้ำ จำนวน 4ช่อง จะสามารถระบายน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับกักเก็บน้ำสูงสุด 137.5 เมตร(รทก.) กักเก็บน้ำได้ 16,400,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกได้ 2,000 ไร่โดยมีแผนดำเนินการก่อสร้าง 3 ปี (ปี พ.ศ. 2549 – พ.ศ. 2551) ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว1,649 แปลง เนื้อที่ 12,671 ไร่  มีเอกสารสิทธิ์ จำนวน 535 แปลง เนื้อที่ 3,511 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ 1,113 แปลง เนื้อที่ 9,159ไร่โดยคณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินมีมติกำหนดค่าทดแทนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ไร่ละ37,000 บาท และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ไร่ละ 30,000 บาท  ขณะนี้อยู่ระหว่างการของบประมาณจ่ายค่าทดแทนที่ดินและทรัพย์สินอย่างไรก็ตามกรมชลประทานจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2549 นี้ ซึ่งหากก่อสร้างประตูระบายน้ำปากน้ำก่ำตอนล่างแล้วเสร็จจะทำหน้าที่ควบคุมการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงในฤดูน้ำหลากและจะกักเก็บน้ำในช่วงปลายฤดูฝนเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

 

 สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกได้1,500 ไร่

แปลงปลูกข้าวโพดหวานในฤดูแล้ง

           ประตูระบายน้ำที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 3 แห่ง สามารถกักเก็บน้ำไว้ในลำน้ำใช้ได้ตลอดปีทำให้ราษฎรบริเวณสองฝั่งลำน้ำก่ำสามารถสูบน้ำไปใช้ในการเพาะปลูกอย่างเพียงพอโดยอาศัยสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จำนวน 22 สถานี ซึ่งสามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่ได้ประมาณ 58,000 ไร่อาทิเช่น การสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจากสถานีสูบน้ำบ้านบอน ตำบลคำพี้ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนมพื้นที่ส่งน้ำ 2,000 ไร่ในฤดูฝนมีกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำจำนวน 48 รายโดยปลูกข้าวเป็นพื้นที่ 1,033 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 400กิโลกรัมต่อไร่ ในฤดูแล้งมีกลุ่มเกษตรกร 150 รายจะสูบน้ำมาใช้เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ได้แก่ ข้าวโพดหวาน เนื้อที่ 527ไร่ มีผลผลิตประมาณ 1,800 กิโลกรัมต่อไร่และรวบรวมผลผลิตจำหน่ายให้บริษัทแปรรูปในท้องถิ่น ทำให้มีรายได้ประมาณ8,000 บาทต่อไร่

ผลการดำเนินงาน ปี 2552   

1.  พัฒนาหนองบึงขนาดใหญ่ แล้วเสร็จ 13แห่ง เก็บกักน้ำได้ 11,630,000ลูกบาศก์เมตรซึ่งจะเป็นแก้มลิงสำหรับเก็บกักน้ำจากลำน้ำก่ำที่มีปริมาณมากในช่วงฤดูฝนสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง และใช้เพื่ออุปโภค-บริโภค ในพื้นที่บริเวณสองฝั่งลำน้ำก่ำ ตั้งแต่อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนครและกิ่งอำเภอวังยาง อำเภอนาแก อำเภอปลาปาก อำเภอเรณูนคร อำเภอธาตุพนมจังหวัดนครพนม

2.  ก่อสร้างประตูระบายน้ำ 7 แห่ง ได้แก่

2.1  ประตูระบายน้ำบ้านหนองบึงเก็บกักน้ำได้ 1,870,000  ลูกบาศก์เมตรสนับสนุนพื้นที่การเกษตร 18,800 ไร่ 

กล่องข้อความ:

 

2.2  ประตูระบายน้ำบ้านนาขาม เก็บกักน้ำได้ 3,100,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตร 14,800 ไร่

2.3  ประตูระบายน้ำบ้านนาคู่ เก็บกักน้ำได้ 8,750,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 42,900 ไร่

 

2.4  ประตูระบายน้ำบ้านนาบัว เก็บกักน้ำได้ 1,050,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 6,100 ไร่

  

2.5  ประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า เก็บกักน้ำได้ 730,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 6,000 ไร่

 

2.6  ประตูระบายน้ำห้วยแคน เก็บกักน้ำได้ 1,900,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 3,500 ไร่

กล่องข้อความ:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     2.7  ประตูระบายน้ำน้ำก่ำตอนล่าง เก็บกักน้ำได้ 16,400,000 ลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 72,900 ไร่

กล่องข้อความ:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

3. ก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมคลองส่งน้ำ 24 แห่ง ในพื้นที่ 14 ตำบล 5 อำเภอ ครอบคลุมจังหวัดสกลนคร-นครพนม และสามารถส่งน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรได้ 38,753 ไร่

กล่องข้อความ:

กล่องข้อความ:

 

 

 

 

 

 

 

 

4. การติดตามผลการดำเนินงานโครงการ

สำนักงานกปร. ได้ติดตามผลการดำเนินงานสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า และระบบคลองส่งน้ำเพื่อทราบถึงผลที่ได้รับจากการพัฒนาและนำผลการศึกษามาประกอบการวางแผนการบริหารจัดการการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรในพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยการติดตามผลการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเน้นด้านกายภาพและการบริหารจัดการกลุ่มผู้ใช้น้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าและระบบคลองส่งน้ำ จำนวน 24 สถานีในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ  ซึ่งพบว่า

1)สถานีสูบน้ำฯ จำนวน 24 สถานี  เครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ส่วนใหญ่มีสภาพเก่า พบปัญหาชำรุดบ่อย ท่อส่งน้ำที่เชื่อมต่อกับเครื่องสูบน้ำมีการรั่วซึมส่งผลให้แรงดันน้ำลดลง ไม่สามารถส่งน้ำได้เต็มประสิทธิภาพแพที่ตั้งเครื่องสูบน้ำเก่าและเป็นสนิม ระบบส่งน้ำที่เป็นคลองส่งน้ำสายหลักส่วนใหญ่เป็นคลองดาดคอนกรีต ชำรุดเสียหาย บานกั้นน้ำแตกดินทรุดตัวทำให้คลองดาดคอนกรีตแตกชำรุด ประกอบกับมีวัชพืชปกคลุมบริเวณแนวคลองซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ประสิทธิภาพการส่งน้ำลดลง

 

2)กลุ่มผู้ใช้น้ำ  การบริหารจัดการกลุ่มผู้ใช้น้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้ามี2 ลักษณะ คือ กลุ่มผู้ใช้น้ำดั้งเดิม ที่จัดตั้งขึ้นโดย กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน(พพ.เดิม)ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณและกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ได้รับการฟื้นฟู โดยกรมชลประทานโดยฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯได้ดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกลุ่มผู้ใช้น้ำ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาปัจจุบันได้ดำเนินการฟื้นฟูแล้ว 8 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มบริหารผู้ใช้น้ำ จำนวน 3 กลุ่ม และกลุ่มพื้นฐาน จำนวน 5กลุ่มซึ่งกระบวนการฟื้นฟูจะเริ่มจากการส่งเจ้าหน้าที่ภาคสนามเข้าไปสำรวจกลุ่มผู้ใช้น้ำเดิมและสำรวจพื้นที่ใช้ประโยชน์พร้อมกับทำกิจกรรมมวลชนกับสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำเดิม โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างกรมชลประทาน และองค์การบริหารส่วนตำบล

กล่องข้อความ:  กล่องข้อความ:

 

 

 

 

 

 

 

 

ประโยชน์ของโครงการ

1.   หนองบึงที่ขุดลอกแล้วเสร็จสามารถเป็นแก้มลิงสำหรับเก็บกักน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อเป็นน้ำสำรองไว้ใช้อุปโภค-บริโภคในพื้นที่บริเวณสองฝั่งลำน้ำก่ำตั้งแต่อำเภอเมืองสกลนครอำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร และกิ่งอำเภอวังยาว อำเภอนาแก อำเภอปลาปากอำเภอเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

2.   ประตูระบายน้ำที่ก่อสร้างเสร็จได้ช่วยบรรเทาอุทกภัยที่เกิดจากปริมาณน้ำที่มากในฤดูฝนโดยระบายน้ำลงสู่ลำน้ำก่ำตอนล่าง เพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำโขงในขณะเดียวกันทำหน้าที่เก็บกักน้ำไว้ในลำน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตรได้ในฤดูแล้ง

3.   การก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมคลองส่งน้ำสามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้ 38,753 ไร่ ทำให้ราษฎรมีน้ำใช้ทำการเกษตรอย่างเพียงพอและเป็นการส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่ทำการเกษตรได้อย่างต่อเนื่องและเป็นแหล่งน้ำเสริมสำหรับปลูกพืชไร่และพืชผักสวนครัวทำให้ราษฎรมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

กล่องข้อความ:  กล่องข้อความ:  กล่องข้อความ:  กล่องข้อความ:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผลการดำเนินงาน ปี 2553

               กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานโครงการมาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งปัจจุบันมีผลการดำเนินงานดังนี้

1. พัฒนาหนองบึงขนาดใหญ่ แล้วเสร็จจำนวน 15 แห่งเพื่อเป็นแก้มลิงสำหรับเก็บกักน้ำจากลำน้ำก่ำที่มีปริมาณน้ำมากในช่วงฤดูฝนและสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

 

2.  ก่อสร้างประตูระบายน้ำ ในลำน้ำก่ำและลำน้ำสาขา แล้วเสร็จ จำนวน 7 แห่ง เพื่อการชลประทานทั้งการเก็บกักน้ำในลำน้ำ และเร่งระบายน้ำ

      

 

ปริมาณการเก็บกักน้ำ และพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการ

ลำดับที่

กิจกรรม

ความจุ

(ล้าน ลบ.ม.)

พื้นที่รับประโยชน์

(ไร่)

1

ประตูระบายน้ำบ้านหนองบึง

1.87

12,600

2

ประตูระบายน้ำบ้านนาขาม

3.10

2,700

3

ประตูระบายน้ำบ้านนาคู่

8.75

25,200

4

ประตูระบายน้ำห้วยแคน

1.90

2,500

5

ประตูระบายน้ำบ้านตับเต่า

0.73

6,000

6

ประตูระบายน้ำบ้านนาบัว

1.05

4,500

7

ประตูระบายน้ำ น้ำก่ำตอนล่าง

16.40

72,500

8

หนองบึงขนาดใหญ่

จำนวน 13 แห่ง

11.63

-

 

รวม

45.43

126,000

 

3.  สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ จำนวน 24 แห่ง ซึ่งก่อสร้างโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ตั้งแต่ปี 2539 มีน้ำต้นทุนจากประตูระบายน้ำ สามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่ทำการเกษตรได้โดยตรงประมาณ 39,000 ไร่

 

      
 
 
 
สถานีสูบน้ำบ้านแก่งโพธิ์ ซึ่งสูบน้ำในลำน้ำก่ำหน้า ปตร. น้ำก่ำตอนล่างไปยังพื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้งปี 2553

วิกฤตแม่น้ำโขง

สภาพปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดระดับลงต่ำมาก ก่อให้เกิดผลกระทบกับราษฎรผู้ใช้น้ำจากลำน้ำโขง ไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามปกติ แต่จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าราษฎรที่อยู่ในบริเวณโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ กลับมีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอที่จะสามารถทำการเกษตรในห้วงเวลาดังกล่าวได้ การดำเนินงานตามแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนที่จะไหลลงแม่น้ำโขงไว้ในลำน้ำก่ำ ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงได้ ซึ่งปัจจุบัน ประตูระบายน้ำทั้ง 7 แห่ง ยังมีปริมาณน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้กว่า 15 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงสามารถช่วยแก้วิกฤตขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งได้เป็นอย่างดี ในขณะที่แม่น้ำโขงเกิดวิกฤต

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้พิจารณาสร้างสถานีสูบน้ำจากปากแม่น้ำก่ำ เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาใช้ประโยชน์ในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ อีกด้วย

   

                 สถานีสูบน้ำ จากแม่น้ำโขงเข้ามาเติมปริมาณน้ำในระบบบริเวณประตูระบายน้ำ น้ำก่ำตอนล่าง

 

 

 

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 นายอำพล  เสนาณรงค์  องคมนตรี และ  นายเฉลิมเกียรติ  แสนวิเศษ  เลขาธิการ กปร. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร-นครพนม เพื่อติดตามความก้าวหน้า และสังเกตการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งเกิดวิกฤตปริมาณน้ำลดต่ำลงมาก

 

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร-นครพนม ซึ่งมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี และขอให้ราษฎรเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 กระทรวงการต่างประเทศนำสื่อมวลชนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่พำนักอยู่ในนครลอสแองเจลิส เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำ ฯ ซึ่งสื่อมวลชนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมากและจะนำความซาบซึ้งนี้ไปเผยแพร่ให้แก่คนไทยในนครลอสแองเจลิส ประมาณ 200,000 คน ได้รับรู้ต่อไป

 

 

ผลการดำเนินงาน ปี 2554

กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานโครงการมาตั้งแต่ ปี 2535 ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จดังนี้

1.  พัฒนาหนองบึงขนาดใหญ่ จำนวน 15 แห่งเพื่อเป็นแก้มลิงสำหรับเก็บกักน้ำจากลำน้ำก่ำที่มีปริมาณน้ำมากในช่วงฤดูฝนโดยสามารถเก็บกักน้ำได้ 15.26 ล้านลูกบาศก์เมตร

2.  ก่อสร้างประตูระบายน้ำ จำนวน 7 แห่ง เพื่อควบคุมการระบายน้ำและสามารถเก็บกักน้ำได้ 52.10 ล้านลูกบาศก์เมตร

3.  สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำจำนวน 26 แห่ง สามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้ ประมาณ42,200 ไร่

        พัฒนา 7 ประตูระบายน้ำ 26 สถานีสูบน้ำ 15 หนองบึงใหญ่ บริหารจัดการอย่างสมดุล อุ้มชูเกษตรกรรม

 

ประตูระบายน้ำห้วยแคนDSC03563

 

 

                  

 

 

 

 

              ประตูระบายน้ำห้วยแคนสามารถกักเก็บน้ำ              สถานีสูบน้ำพร้อมคลองส่งน้ำ สามารถส่งน้ำเข้า     

                       ได้1,900,000 ลูกบาศก์เมตร                                พื้นที่การเกษตรได้ 33,300 ไร่

ประโยชน์ของโครงการ
 
1.   ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ 16 หมู่บ้าน จำนวน 436 ครัวเรือน สามารถใช้ประโยชน์จากสถานี สูบน้ำด้วยไฟฟ้าและระบบส่งน้ำที่ก่อสร้างไว้เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.   ทำให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการมีบทบาท และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ตลอดจนการบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้น
3.   ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการ จำนวน 24 กลุ่ม ประมาณ 1,870 ครัวเรือน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรกลุ่มผู้ใช้น้ำต่อไป
4.    ราษฎรผู้ใช้น้ำ จำนวน 252 คน ได้รับความรู้และพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเพิ่มเติม ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ทำกินของตนเองและขยายผลต่อในชุมชนได้

                                   

ผลการดำเนินงาน ปี 2555

กรมชลประทานได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2535 ปัจจุบันมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ดังนี้

1. พัฒนาหนองบึงขนาดใหญ่ จำนวน 15 แห่ง เพื่อเป็นแก้มลิงเก็บกักน้ำจากลำน้ำก่ำที่มีน้ำมากในช่วงฤดูฝน โดยสามารถเก็บกักน้ำได้ 15.26 ล้านลูกบาศก์เมตร

2. ก่อสร้างประตูระบายน้ำ จำนวน 7 แห่ง เพื่อควบคุมการระบายน้ำ รวมทั้งสามารถเก็บกักน้ำได้ 52.10 ล้านลูกบาศก์เมตร

3. สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ จำนวน 26 แห่ง สามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้ ประมาณ 42,200 ไร่

ประโยชน์ของโครงการ

1. ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ 16 หมู่บ้าน จำนวน 436 ครัวเรือน สามารถใช้ประโยชน์จากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าและระบบส่งน้ำที่ก่อสร้างไว้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2. เกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำและการบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้น

3. ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการ จำนวน 24 กลุ่ม ประมาณ 1,870 ครัวเรือน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรกลุ่มผู้ใช้น้ำต่อไป

4. ราษฎรผู้ใช้น้ำ จำนวน 252 คน ได้รับความรู้และมีโอกาสพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเพิ่มเติม ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ทำกินของตนเองและขยายผลต่อในชุมชนได้

5. พื้นที่บริเวณลำน้ำก่ำในฤดูฝนสามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตประมาณ 40-50 ถัง ต่อไร่ และในฤดูแล้งสามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะเขือเทศ และพืชไร่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปีและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

การตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขององคมนตรี

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ และพบปะเกษตรกรจากกลุ่มสหกรณ์ผู้ใช้น้ำบ้านแก่งโพธิ์ ในการนี้ องคมนตรีได้ชื่นชมผลสำเร็จของโครงการ และขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนาและทำงานแบบเชิงบูรณาการ เพื่อประโยชน์ของราษฎรในพื้นที่

       

ผลการดำเนินงานปี2556

กรมชลประทานได้ดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำ รวม 7 แห่งมีปริมาณเก็บกักน้ำ 53,073,000 ลูกบาศก์เมตรดังนี้

1. งานก่อสร้างประตูระบายน้ำปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบแล้วเสร็จตามแผนงานทั้งหมดจำนวน7 แห่ง 

2.งานพัฒนาหนองบึงขนาดใหญ่ จำนวน 15 แห่งในเขตจังหวัดสกลนคร จำนวน 9แห่ง และในเขตจังหวัดนครพนม จำนวน 6 แห่ง เก็บกักน้ำได้15,260,000 ลูกบาศก์เมตร

3.งานก่อสร้างระบบส่งน้ำชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำชลประทานในเขตจังหวัดสกลนครและนครพนมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจำนวน 28 แห่ง พื้นที่ชลประทานประมาณ 50,353ไร่

                  การบริหารจัดการน้ำ

การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำ:  โครงการฯพิจารณาจัดสรรน้ำให้ภาคส่วนต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งในด้านอุปโภคบริโภคน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปารักษาระบบนิเวศ และในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม

การบริหารจัดการน้ำในแต่ละสถานีสูบน้ำ: มีคณะกรรมการกลุ่มผู้ใช้น้ำฯทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำร่วมกับเกษตรกรผู้ใช้น้ำฯและเจ้าหน้าที่ชลประทานเพื่อให้สามารถส่งน้ำได้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำและลดปัญหาความขัดแย้งในการใช้น้ำ

การตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขององคมนตรี

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานพร้อมทั้งเยี่ยมชมกลุ่มอาชีพในพื้นที่โครงการฯและเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่  ในการนี้ องคมนตรี ได้เน้นย้ำในเรื่องของการใช้ประโยชน์จากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าและพื้นที่ชลประทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จให้เต็มตามศักยภาพ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับช่วยกันคิด-ทำร่วมกันดูแล แก้ไขปัญหาเพื่อให้โครงการเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง

1.ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ 16หมู่บ้านจำนวน 436ครัวเรือนสามารถใช้ประโยชน์จากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าและระบบส่งน้ำที่ก่อสร้างไว้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2. เกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำและการบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้น

3. ราษฎรผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการจำนวน 24 กลุ่ม ประมาณ 1,870 ครัวเรือน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบส่งน้ำเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรกลุ่มผู้ใช้น้ำต่อไป

4. ราษฎรผู้ใช้น้ำ จำนวน 252 คนได้รับความรู้และมีโอกาสพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเพิ่มเติมซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ทำกินของตนเองและขยายผลต่อในชุมชนได้

5. พื้นที่บริเวณลำน้ำก่ำในฤดูฝนสามารถปลูกข้าวได้ผลผลิตประมาณ40-50 ถัง ต่อไร่และในฤดูแล้งสามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะเขือเทศ และพืชไร่ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


1. ขับเคลื่อนและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯในพื้นที่ชลประทานกว่า 60,000 ไร่ โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันดำเนินงานแบบบูรณาการและส่งเสริมการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของราษฎร

2. ส่งเสริมการขยายผลด้านอาชีพโดยคัดเลือกเกษตรกรที่ทำกิจกรรมโดดเด่นมาเป็นเกษตรกรต้นแบบเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรให้แก่ราษฎรรายอื่นรวมทั้งจะนำเอาองค์ความรู้ด้านอาชีพจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯมาขยายผลในพื้นที่และสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรด้วย

 

ที่มา: สำนักงานประสานงานโครงการพื้นที่ 2

ข้อมูลณ วันที่ : 27มกราคม 2557

สามารถดาวน์โหลด .pdf ได้ที่นี่