วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 นางศศิพร ปาณิกบุตร รองเลขาธิการ กปร. พร้อมด้วยพลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายพิทยากร ลิ่มทอง อนุกรรมการคัดกรองผลงานประเภทส่งเสริมการปลูกและขยายผล โครงการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นางสาวธัญทิตตา นาครทรรพ ผู้อำนวยการกองกิจกรรมพิเศษและวิเทศสัมพันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กปร. ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานหญ้าแฝก ณ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ โล่พระราชทาน ประเภทหน่วยงานราชการและส่วนราชการที่ร่วมส่งเสริมการปลูกและขยายผลการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ จากโครงการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2567) โดยมีร้อยเอก พิชาญเมธ ปานมั่น นายทหารกิจการพลเรือน และนายอัสมาน ดาเละ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ นำชมแปลง
พื้นที่ดำเนินการของกองพันทหารราบที่ 3 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นพื้นที่สาธารณะ เนื้อที่รวม 9 ไร่ โดยปลูกหญ้าแฝกจำนวน 5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 56 ของพื้นที่ทั้งหมด ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบถึงค่อนข้างราบเรียบ มีความลาดชันเพียง 0–2% และเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำขัง ดินมีวัตถุต้นกำเนิดจากตะกอนทะเลและตะกอนน้ำกร่อย เป็นดินเหนียวลึก ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ การทำการเกษตรจึงจำเป็นต้องขุดคูยกร่องเพื่อระบายน้ำ แต่พื้นที่ขอบล่องและคันร่องมักประสบปัญหาการชะล้างและพังทลายของหน้าดิน อีกทั้งร่องสวนตื้นเขินง่าย ส่งผลต่อการใช้ประโยชน์ในระยะยาว
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้ปลูกหญ้าแฝกสายพันธุ์สงขลา 3 รอบขอบสระและคันร่องสวน โดยหญ้าแฝกมีระบบรากลึกและหนาแน่น ช่วยยึดหน้าดิน รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันการชะล้างพังทลาย และฟื้นฟูคุณภาพดิน ทำให้พื้นที่สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้หญ้าแฝกที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาจริงของพื้นที่
จากการติดตามผลการดำเนินงานดังกล่าว ผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการปลูกเพิ่มเติมในจุดที่มีความเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดิน และพัฒนาแนวทางการใช้หญ้าแฝกร่วมกับการจัดการคูร่องและการปลูกพืชชนิดอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์ดินและน้ำ ซึ่งจะช่วยยกระดับการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป