ประกาศข่าว:
  • ขนาดตัวอักษร:
  • -ก ก+
TH
EN
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)
Office of the Royal Development Projects Board (ORDPB)

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับโครงการพัฒนาต่าง ๆ (4 ธันวาคม 2537)



สรุปพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับโครงการพัฒนาต่าง ๆ

๔ ธันวาคม ๒๕๓๗

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

คนเราต้องมีน้ำบริโภค

“...ทุกปีจะมีความเปลี่ยนแปลง และมีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง. อย่างเช่นปีที่แล้วกับปีนี้ ความเปลี่ยนแปลงมีมาก. ปีที่แล้วพูดถึงภัยแล้ง และอุทกภัย. ภัยแล้งมีมากและอุทกภัยมีบ้าง ปีนี้ภัยแล้งมีบ้าง และอุทกภัยมีมาก. มีความแตกต่างกันมาก.

แต่อย่างไรก็ดี ปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงดังนี้ ก็รู้สึกว่าคนเขาไม่ค่อยบ่นนัก เพราะว่าภัยแล้งนั้น คนกลัวมาก เพราะคนเราต้องมีน้ำสำหรับบริโภค อุตสาหกรรมก็ต้องมีน้ำสำหรับใช้เพื่อที่จะดำเนินกิจการ ทุกสิ่งทุกอย่างจำเป็นที่จะต้องมีน้ำเพื่อที่จะปฏิบัติงาน หรือดำรงชีวิต. ฉะนั้นเมื่อฝนลงมาและมีความเดือดร้อนของอุทกภัย เสียงที่บ่นจึงมีไม่มากนัก. ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ย่อมต้องเดือดร้อนย่อมต้องบ่น แต่ว่าไม่มากนัก. อาจเป็นเพราะว่าเราอาศัยเทวดา...”


ประชามติ

“...ได้พูดถึงฝนแล้วก็ไพล่กลับมาพูดถึงประชามติ. แต่ก็นึกว่าคงไม่เสียหาย ที่พูดถึงความเห็น. ในระบอบประชาธิปไตย ว่าจะต้องให้คนเขาพอใจเป็นส่วนมาก เพราะถ้าหากว่า เสียงข้างมากนี้ไม่ชัดเจน คือหมายความว่า เมื่อมีการออกเสียง และก็มีความพอใจกันสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ มันก็ไม่ค่อยแน่. ๘๐ เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นอาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ หรือเห็นด้วยแต่ไม่อยากออกเสียง หรือไม่รู้เรื่อง. แต่อย่างน้อยต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยมาก. ถ้าคนที่ไม่เห็นด้วยมีมาก ก็จะเกิดความไม่เรียบร้อย คือ หมายความว่าเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้. ก็ขอปิดรายการนี้แต่แค่นี้ เพราะถ้าพูดไปเดี๋ยวจะมีการทะเลาะเบาะแว้งเพิ่มขึ้น...”


โครงการบรรเทาปัญหาการจราจร

“...พาหนะนั้นแบ่งเป็น ๒ อย่างใหญ่ ๆ. พาหนะที่เป็นส่วนบุคคล คือรถยนต์ธรรมดาและพาหนะสำหรับขนส่ง หรือรถ ๑๐ ล้อ หรือรถบรรทุก. วิธีการแก้ไขมี ๒ ทาง. ทางหนึ่งคือสร้างถนน หรือปรับปรุงถนนให้กว้างขวาง ให้มีระเบียบ ให้มีระบบที่เหมาะสม ซึ่งก็กำลังทำอยู่. และรู้สึกว่าทำยาก เพราะกรุงเทพฯ โดยเฉพาะไม่มีผังเมืองที่เหมาะสม หรือจะเรียกว่าไม่มีเลย. อีกอย่างหนึ่ง
ก็คือลดจำนวนรถ. การลดจำนวนรถนั้นก็ทำลำบาก เพราะว่าคนยังต้องเดินทางไปมา. แล้วก็ถือว่าเป็นสิทธิของตัวที่จะมีเสรีภาพที่จะเดินทางตามเสรี แบบเสรี. จะไปบังคับบอกว่า เมื่อมีรถแล้ว
ไม่ให้ใช้ ก็ลำบาก. อันนี้ก็เป็นปัญหาที่แก้ไขลำบาก. ส่วนรถบรรทุกนั้น วิธีที่จะแก้ไขก็เป็นเรื่องของถนนเหมือนกัน หรือการกะเส้นทางให้เหมาะสม ก็เป็นสิ่งที่ลำบาก. หรือจำกัดเวลา จำกัดเวลา
ก็ทำอยู่ แต่แม้จะทำแล้ว ก็ยังไม่พอเพราะว่าเวลานี้ การสัญจรไปมา แม้จะดึกดื่นเท่าไหร่ก็เต็ม. ฉะนั้นการแก้ไขโดยสร้างทางปรับปรุงทาง หรือจำกัดจำนวนรถนั้น จึงเป็นสิ่งที่ลำบาก.

จะต้องหาวิธีใหม่. คือจะต้องคำนึงถึงว่ารถนี่ ทั้งรถส่วนบุคคล ทั้งรถบรรทุก ต้องมีต้นทางและปลายทาง. เราแก้ไขจำนวนรถไม่ได้ แก้ไขเส้นทางไม่ได้. เราจะต้องแก้ไข "ต้นทางกับปลายทาง" ก็หมายความว่า จัดให้ "ต้นทางกับปลายทาง" อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น. ถ้าใกล้ขึ้นแล้ว การใช้ถนนก็ใช้เวลาน้อยลง จำนวนของถนน หรือความยาวของถนนที่ถูกใช้นั้นก็น้อยลง. ก็เท่ากับมีถนนมากขึ้นและรถน้อยลง. ข้อนี้อาจจะเข้าใจกันยากว่า แก้ไข "ต้นทางกับปลายทาง" อย่างไร.แต่ขอชี้แจงโดยสังเขปว่า "ต้นทาง" คือบ้านหรือที่อยู่ที่พำนักของผู้ที่ใช้รถ. "ปลายทาง" เป็นที่ทำงาน หรือสำนักงาน หรือสถานที่ราชการของผู้ที่ใช้รถและจะต้องไปทุกวัน ๆ. ก็จะต้องทำให้ระยะสั้นลง. ระยะสั้นลงมันเป็นเรื่องของพื้นที่.

ท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจได้ว่า เมื่อเป็นพื้นที่ก็หมายความว่า จะต้องจัดพื้นที่ใหม่ ให้พื้นที่ของที่อยู่อาศัยและพื้นที่ของที่ทำงานมีความเปลี่ยนแปลง. อันนี้คงพอเข้าใจว่า หลักหรือจะเรียกว่าทฤษฎีนี้ หมายถึงอะไร. จะไม่ขยายความมากกว่านี้ เพราะว่าท่านทั้งหลายย่อมชอบที่จะคิด.
แล้วคนไหนที่สนใจก็นำไปคิดว่าควรจะทำอย่างไร และปฏิบัติอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ในการวางทั้งแผนเศรษฐกิจ ทั้งแผนต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งที่สำคัญ. ในเรื่อง "ต้นทางกับปลายทาง" นี้ สิ่งหนึ่งที่คนได้พูดถึงมามากแล้ว ก็คือเรื่องโรงเรียน คือให้นักเรียนไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน. อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของทฤษฎีปรับปรุง เกี่ยวข้องกับ "ต้นทาง ปลายทาง". ขอพูดแต่เพียงนี้สำหรับเรื่องของทฤษฎี หรือวิธีแก้ไขให้จราจรไปได้โดยปลอดโปร่ง และไม่เกิดความเดือดร้อน...”


โลกาภิวัตน์

“...(โลกานุวัตร - โลก + อนุ - ตาม + วัตร - ข้อปฏิบัติ = ปฏิบัติตามโลก. หรือโลกานุวัตน์ - โลก + อนุ - ตาม + วัตน์ - ความเป็นอยู่ ความเป็นไป = เป็นอยู่ตามโลก. โลกาภิวัฒน์ - โลก + อภิ - ยิ่ง + วัฒน์ - เจริญ = โลกเจริญยิ่ง. หรือ โลกาภิวัตน์ - โลก + อภิ - ยิ่ง + วัตน์ - ความเป็นอยู่ ความเป็นไป = ความเป็นอยู่ ความเป็นไปยิ่งกว่าโลก. ความจริงดูเหมือนจะหมายความว่า โลกแคบลง. เหตุการณ์ใดในส่วนใดของโลกจะแพร่ไปทั่วโลกเกือบทันที และกลายเป็นธรรมดา)...”


ชัยพัฒนา

“...มูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งมีหน้าที่ที่เราตั้งไว้สำหรับมูลนิธิ ให้พัฒนาประเทศจนมีชัยชนะ.ชัยชนะของประเทศนี้ โดยงานของมูลนิธิชัยพัฒนานั้นก็คือ ความสงบ ไม่เป็นบอสเนีย เป็นไทยแลนด์ เป็นเมืองไทยที่จะมีความเจริญก้าวหน้า จนเป็นชัยชนะชองการพัฒนา ตามที่ได้ตั้งชื่อ “มูลนิธิชัยพัฒนา”. ชัยของการพัฒนานี้ มีจุดประสงค์คือ ความสงบ ความเจริญ ความอยู่ดีกินดี...”


ทฤษฎีใหม่สระบุรี

“...เรื่องนี้เริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี. ที่ต้องพูด เพราะว่า แม้ได้พูดเรื่องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้มาแล้ว แต่ว่าไม่ได้พูดอย่างชัดแจ้ง. เรื่องนี้เริ่มที่สระบุรีเมื่อหลายปีแล้ว. ก่อนหน้านั้นได้มีจินตนาการ ความคิดฝัน. ท่านทั้งหลายคงนึกแปลก ทำไมแผนการจะต้องคิดฝัน. ไม่ได้ไปดูตำรา ไม่ได้ค้นตำรา แต่ค้นในความคิดฝัน ในจินตนาการ. เรานึกถึงว่าจะต้องมีแห่งหนึ่ง ที่จะเข้ากับเรื่องของเรา.

เรื่องของเรา เกี่ยวข้องกับบุคคลหนึ่งที่มีบรรพบุรุษมาจากอินเดีย ผ่านลังกาแล้วมาเมืองไทย. บรรพบุรุษเขาไปพระพุทธบาทสระบุรี. พระเจ้าอยู่หัวในครั้งก่อนโน้นโปรดเสด็จไปสระบุรีกับเสนามาตย์ เพื่อนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี. ในเรื่องของเราปู่ของพระเอกไปแล้วก็เดินทางกลับมาทางสระบุรี. ใกล้อำเภอเมืองมีวัดแห่งหนึ่ง ชื่อว่าวัดมงคล. เขาชอบ เพราะคำว่ามงคลนี้มันดีมันเป็นมงคล มันก้าวหน้า เขาผ่านมาและได้ไปดูวัดแห่งนั้น และได้บริจาคเงินให้กับวัด สำหรับสร้างพระอุโบสถ. ปู่ของพระเอกก็ยังได้ให้เงินส่วนหนึ่งสำหรับสร้างฝาย เพราะที่ตรงนั้นไม่ค่อยเหมาะสำหรับทำนา. แต่ถ้าทำฝายก็สามารถที่จะทำมาหากินได้ในทางเกษตร. นี่ก็ประมาณ ๙๐ ปี มาแล้ว. ลงท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องในจินตนาการ ก็กลายเป็นจริง.

ได้ดูแผนที่สระบุรี ทุกอำเภอ หา ๆ ไป ลงท้ายได้เจอวัดชื่อมงคล อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ ๑๐ กิโลเมตร. แล้วก็เหมาะในการพัฒนาจึงไปซื้อที่. ซื้อด้วยเงินส่วนตัวและเพื่อนฝูงได้ร่วมบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง. ได้ซื้อ ๑๕ ไร่ ที่ไกล้วัดมงคล หมู่บ้านวัดใหม่มงคล. ได้ส่งคนไปพบชาวบ้าน. เขาก็ไม่ทราบว่ามาจากไหน. ไปพบชาวบ้านสืบถามว่า ที่นี่ มีที่ที่จะขายไหม เขาก็เชิญขึ้นไปบนบ้าน. แล้วเขาก็บอกว่าตรงนี้มี ๑๕ ไร่ที่เขาจะขาย. ในที่สุดก็ซื้อ. ก่อนตั้งมูลนิธิชัยพัฒนาก็เป็นเวลาประมาณ ๗ ปี. ไปซื้อที่ตรงนั้น คนพวกนั้น ก็งงกัน. เขาเล่าให้ฟังว่า มีคนเขาฝัน ว่าพระเจ้าอยู่หัวมา แล้วก็มาช่วยเขา. เขาก็ไม่ทราบว่า คนที่ไปนี่เป็นใคร แต่สักครู่หนึ่ง เขามองไปที่ปฏิทิน เขามองดู เอ๊ะ คนนี้ คนที่อยู่ข้างหลังพระเจ้าอยู่หัวนั่น เอ๊ะ คนนี้ก็อยู่ข้างหลังพระเจ้าอยู่หัวในรูป ใกล้ ๆ. เขาก็เลยนึกว่า เอ๊ะ พวกนี้มาจากพระเจ้าอยู่หัวเขาก็เลยบอกว่าขายที่นั้น. ก็เลยซื้อที่ ๑๕ ไร่. และไปทำเป็นศูนย์บริการ.

ทางราชการโดยกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมวิซาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ทางนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้ช่วยกันทำโครงการนี้. โครงการนี้ใช้เงินของมูลนิธิชัยพัฒนาส่วนหนึ่ง ใช้เงินของราชการส่วนหนึ่งโดยวิธีขุดบ่อน้ำ เพื่อใช้น้ำนั้นมาทำการเพาะปลูก ตาม “ทฤษฎีใหม่” ซึ่ง “ทฤษฎีใหม่” นี้ยังไม่เกิดขึ้น. พอดีขุดบ่อน้ำนั้น เราก็เรียกว่า “มือดี” ขุดน้ำมีน้ำ. ข้างๆ ที่อื่นนั้น ไม่มีน้ำ แต่ตรงนั้นมีน้ำ. ลงท้ายก็สามารถปลูกข้าว แล้วก็ปลูกผัก ปลูกไม้ยืนต้นไม้ผล. ต่อมาก็ได้ซื้อที่อีก ๓๐ ไร่. ก็กลายเป็นศูนย์พัฒนา หลักมีว่า แบ่งที่ดินเป็นสามส่วน. ส่วนหนึ่งเป็นที่สำหรับปลูกข้าว อีกส่วนหนึ่ง สำหรับปลูกพืชไร่ พืชสวน และก็มีที่สำหรับขุดสระน้ำ. ดำเนินการไปแล้ว ทำอย่างธรรมดาอย่างชาวบ้าน. ในที่สุดได้ข้าวและได้ผัก ขายข้าวกับผักนี่มีกำไร ๒ หมื่นบาท. ๒ หมื่นบาทต่อปี หมายความว่า โครงการนี้ใช้งานได้. เมื่อใช้งานได้ก็ขยายโครงการ “ทฤษฎีใหม่” นี้ โดยให้ทำที่อื่น. นอกจากมีสระน้ำในที่นี้แล้ว จะต้องมีอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่กว่าอีกแห่ง เพื่อเสริมสระน้ำ. ในการนี้ก็ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเอกชน ซื้อที่ด้วยราคาที่เป็นธรรม ไม่ใช่ไปเวนคืนและสร้างอ่างเก็บน้ำ...”


ทฤษฎีใหม่กาฬสินธุ์

“...บอกว่าจะขยายทฤษฎีนี้ไปทั่วประเทศ ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะว่าต้องมีปัจจัยสำคัญคือปัจจัยน้ำ แล้วก็ต้องสามารถที่จะให้ประชาชน เข้าใจ และยินยอม ถ้าเขาไม่ยินยอม ก็ทำไมได้. ถึงมาทำที่กาฬสินธุ์. ที่เคยเล่าให้ฟัง ในชุมนุมอย่างนี้แล้วว่า ทำที่อำเภอเขาวง ที่ไปปีนั้นเล่าเรื่อง ที่เดินทางไป “ทางดิสโก้” ที่เป็นทางทุลักทุเลมาก. ที่ “ทางดิสโก้” นั้น ขอแจ้งให้ทราบว่าปีแรกทำนา ๑๒ ไร่ ได้ข้าวตามที่กะเอาไว้ พอสำหรับผู้ที่อยู่ในที่ตรงนั้น พอกินได้ไปตลอดปี. จึงทำให้ประชาชนในละแวกนั้น มีความเลื่อมใส และยินดียินยอมให้ทำแบบนี้ในที่ของเขาอีก ๑๐ แปลง. หลังจากที่ทำ ๑๐ แปลงนั้น ก็ได้ผล. ปีนี้เขาขออีกร้อยแปลง

การขุดสระนั้น ก็ต้องสิ้นเปลือง ชาวบ้านไม่สามารถที่จะออกค่าใช้จ่ายสำหรับการขุด ก็ต้องทำให้เขา. มูลนิธิชัยพัฒนา และทางราชการก็ได้ช่วยกันทำ โดยที่ชาวบ้านไม่ต้องสิ้นเปลืองมากมาย ก็ให้เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง. ฉะนั้น “ทฤษฎีใหม่” นี่จะขยายขึ้นไปได้ อาจจะทั่วประเทศ แต่ต้องช้า ๆ เพราะว่าต้องสิ้นเปลือง สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ แต่ว่าค่อย ๆ ทำ. และเมื่อทำแล้วก็นึกว่าเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนมีกินแบบตามอัตภาพ คืออาจไม่รวยมาก แต่ก็พอกิน ไม่อดอยาก. ฉะนั้นก็นึกว่า “ทฤษฎีใหม่” นี้คงมีประโยชน์ได้ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง. อันนี้ก็ได้พูดถึงที่ท่านนายกฯ ได้กล่าวถึงกิจการที่ได้ทำมาส่วนหนึ่ง...”


โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง

“...ยังมีโครงการที่ภาคใต้ ที่ปากพนัง ที่ต้องทำความเข้าใจต่อไป. ซึ่งโครงปากพนังนี้ทางราชการ และทางราชการทหาร ก็ได้ช่วยกันเต็มกำลัง. แต่จะต้องอธิบายอีกมาก เพราะมีคนที่บอกว่า ถ้าทำโครงการปากพนัง สิ่งแวดล้อมจะเสีย. เขาบอกว่าน้ำในคลองชะอวดนั้นเป็นน้ำกร่อย มีประโยชน์สำหรับสิ่งแวดล้อม. ขอชี้แจง ว่า ไม่จริง. สมัยก่อนนี้คลองชะอวดเป็นน้ำจืด กลายมาเป็นน้ำกร่อยตอนนี้ เพราะว่าตื้นเขิน และเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป. จนกระทั่งทำให้ประชาชนในอำเภอเชียรใหญ่ซึ่งมีจำนวนมากต้องอพยพไป. ไปพัทลุงบ้าง ไปอำเภอทุ่งสง ทุ่งใหญ่บ้าง ทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก เพราะว่าคนเชียรใหญ่เท่ากับไปกินที่เขา แล้วก็เกิดทะเลาะกัน ยุ่งกัน. แล้วก็ไม่มีทางแก้ไข. ส่วนผู้ที่เหลือที่เชียรใหญ่นั้น ในหน้าแล้งเขาปลูกผัก ก็ยังไม่ได้ เพราะว่าน้ำกร่อย น้ำเค็ม.

คนที่เคยไปในพื้นที่จะเข้าใจ คนที่ไม่เคยไปในพื้นที่ จะไม่มีทางเข้าใจได้. ปากพนังก็อดน้ำ ต้องส่งรถบรรทุกน้ำ เสียเงินเป็นร้อยล้าน. แล้วก็ไม่จริง ที่ว่าน้ำในแม่น้ำชะอวดนั้น น้ำกร่อยจะเป็นการดี. ไม่ดี. ถ้าทำโครงการ น้ำในคลองชะอวดนั้นจะเป็นน้ำจืด. แน่นอน ต้องแก้ไขต่อไป เรื่องความเปรี้ยวหรือความบกพร่องอย่างอื่น ๆ แต่อย่างน้อยก็เป็นขั้นหนึ่ง. จะทำนาในลุ่มน้ำชะอวดนี้ได้เป็นแสนไร่. ชาวเชียรใหญ่ที่ไปที่อื่น ก็จะกลับมา ทำอาชีพที่สุจริต. จะทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราชดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นจังหวัดที่จนที่สุด. ไม่น่าเชื่อ ชื่อนครศรีธรรมราชน่าจะเป็นจังหวัดที่เจริญที่มีการผลิตข้าวได้ดีที่สุด. แต่ไม่เป็นเช่นนั้น กลับเป็นจังหวัด ที่ด้อยที่สุด จนที่สุด. แต่ถ้าทำโครงการนี้ จะกลับกลายมาเป็นจังหวัดที่ร่ำรวย. นี่ในทางเศรษฐกิจแท้ ๆ จะทำให้จังหวัดนครศรีธรรมราช กลายเป็นจังหวัดร่ำรวย เกือบที่สุดได้ โดยมีโครงการนี้อย่างเดียว.

โครงการอื่น ๆ ก็จะไม่เสีย. คนเขาบอกว่า การทำนากุ้ง ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศไทยมากมาย - กี่ล้านบาทไม่ทราบ - จะเสีย. ไม่เสีย. ตรงข้ามจะทำให้กิจการเลี้ยงกุ้งกุลาดำนี้เป็นสัดเป็นส่วน. สามารถที่จะจัดการในอำเภอหัวไทรส่วนหนึ่ง และในอำเภอปากพนังส่วนหนึ่ง. สามารถที่ทำให้ประชาชนที่ทำกุ้งกุลาดำทำได้จริง ๆ จัง ๆ ได้รับความช่วยเหลือ. พวกที่ทำกุ้งกุลาดำนี้ ไม่ใช่บริษัทใหญ่ เป็นเอกชนเล็ก ๆ. ถ้าเราช่วยเขา เขาก็จะมีรายได้ดี และกุ้งกุลาดำนี้จะมีคุณภาพดี ที่เขาพูดว่าทำกุ้งกุลาดำนี้ทำให้เกิดมลพิษ ถ้าทำไม่ดี ถ้าทำอย่างแร้นแค้น ก็จริง ทำให้ทะเลเป็นพิษ. แต่เดี๋ยวนี้มีวิธีที่จะทำให้กุ้งกุลาดำนี้ เป็นรายได้ดี และไม่เป็นมลพิษ. ตรงข้ามจะทำให้ประเทศไทยสามารถที่จะส่งออกกุ้งกุลาดำ เป็นล่ำเป็นสัน และมีคุณภาพสูง.

ฉะนั้นถ้าทำโครงการปากพนัง ซึ่งน่าจะทำได้เร็วพอใช้ จะแก้ไขความขาดแคลนน้ำจืดเพื่อการเกษตร ในลุ่มของแม่น้ำชะอวด และมีน้ำใช้ในหน้าแล้งด้วย ตลอดจนมีน้ำกร่อยเพื่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำเป็นล่ำเป็นสัน. ในเขตเชียรใหญ่ หัวไทร ปากพนัง จะเป็นที่ที่เป็น อู่ข้าวอู่น้ำ และจะเป็นแหล่งรายได้ อย่างมหาศาล สำหรับประเทศไทย. ถ้าไม่ทำ มันก็อยู่อย่างเดิม คือมีปัญหาโจรผู้ร้าย เช่นเรื่องความไม่เรียบร้อยในอำเภอทุ่งใหญ่ เป็นต้น. ในการแก้ไขปัญหา จะต้องแก้ไขปัญหาโดยเบ็ดเสร็จ โดยถือหลักว่ามีอะไรที่จะต้องทำ ก็ต้องทำ อย่าไปทะเลาะกันว่า อันนี้จะทำเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้. ไม่ได้. ต้องรวมทั้งหมด ฉะนั้นจึงได้ขอพูดถึงเรื่องโครงการปากพนัง ให้เข้าใจกันอย่างนี้...”


การปลูกป่าและหญ้าแฝก

“...นอกจากนี้ท่านนายกฯ ได้พูดถึงการปลูกป่า ปลูกหญ้าแฝก. สองอย่างนี้ต้องทำเข้าคู่กัน. ได้ทำตัวอย่างให้ดูที่จังหวัดนครนายก. เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ได้ทำเป็นเขื่อนกั้นน้ำสำหรับชะลอน้ำ ไม่ใช่เขื่อนกั้นน้ำใหญ่ ๆ หรือเขื่อนเล็ก ๆ แต่ว่าเป็นฝายเล็ก ๆ. ในบริเวณนั้นมีฝายชะลอน้ำ ๓๕ ตัว.แต่ค่าทำฝาย ๓๕ ตัวนี้ คนอาจจะนึกว่า ๓๕ ล้าน. ไม่ใช่. ๒ แสนบาท ทำได้ ๓๕ ตัว. ยังไม่ได้เห็น แต่ว่ากล้าที่จะยืนยัน ว่าได้ผล ถ้าใครสนใจ ไปดูได้ที่ใกล้บ้านบุ่งเข้ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ไปดูฝายชะลอน้ำ ๓๕ ตัวนี้ ไปดูว่าป่าจะขึ้นอย่างไร. เพิ่งเสร็จมาไม่กี่เดือน จะเห็นว่าป่านั้นเจริญ ไม่ต้องไปปลูกสักต้นเดียว มันขึ้นเอง.

เรื่องต้นไม้ขึ้นเอง มีอีกแห่งหนึ่งที่ท่านทั้งหลายก็ควรจะไปได้ เพราะไปง่าย คือโครงการเขาชะงุ้ม ที่จังหวัดราชบุรี. ที่ตรงนั้นอยู่ใกล้ภูเขา เป็นที่ที่ป่าเสียไป เป็นป่าเสื่อมโทรม. ที่เรียกว่าป่าเสื่อมโทรมเพราะมันไม่มีต้นไม้ ไม่มีชิ้นดี. เริ่มทำโครงการนั้นมาประมาณ ๗ ปีเหมือนกัน. ไปดูเมื่อสัก ๒ ปี หลังจากทิ้งป่านั้นไว้ ๕ ปี. ตรงนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ป่าเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นป่าอุดมสมบูรณ์. ไม่ต้องไปปลูกสักต้นเดียว. คือว่าการปลูกป่านี้สำคัญอยู่ที่ปล่อยให้เขาขึ้นได้. คืออย่าไปตอแยต้นไม้อย่าไปรังแกต้นไม้ เพียงแต่ว่าคุ้มครองเขาหน่อย เขาขึ้นเอง.

อีกแห่งหนึ่งก็ที่ชะอำ ดินเสียจนเป็นดินแข็ง. ไปปลูกหญ้าแฝก. เพียง ๒ ปี ดินร่วนและต้นไม้ที่หงิกงอของเดิมนั้น เดี๋ยวนี้ตรงหมดแล้ว เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์. แล้วต่อไปป่าอุดมสมบูรณ์นั้น ก็จะทำให้ดูดความชื้นจากอากาศ. ทำให้เมฆที่อยู่ใน อากาศ ลงมาเป็นฝนได้. ฉะนั้นเมืองไทยต่อไป ก็จะเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์ ไม่แร้นแค้นไม่เป็นทะเลทรายอย่างในระยะ ๒๐ ปีที่ผ่านมานี้ เมืองไทยจากที่อุดมสมบูรณ์ เป็นสวนเป็นไร่ เป็นป่า กลายเป็นทะเลทราย. เราจะทำให้ประเทศไทยกลับมีความอุดมสมบูรณ์มีความชุ่มชื้นได้. ขออย่าไปรังแกป่าเท่านั้นเอง ไม่ต้องทำอะไรมาก...”


อ้างอิง

สำนักราชเลขาธิการ. ประมวลพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท.

 

กลุ่มนโยบายพิเศษ
๒๙ กันยายน ๒๕๖๖